SAS ชี้ทางรอดยุค AI ครองเมือง แบงก์ไทยต้องบริหารความเสี่ยง ท่ามกลางภัยทุจริตดิจิทัลอย่างไร

SAS ชี้ทางรอดยุค AI ครองเมือง แบงก์ไทยต้องบริหารความเสี่ยง ท่ามกลางภัยทุจริตดิจิทัลอย่างไร

เจาะลึกถึงประเด็นสำคัญที่ผู้บริหารธนาคารและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสนใจในยุค AI จาก เอียน โฮล์มส์ Global Lead for Evnterprisqe Foraud Solutiovns and Direbctor และ เดวิด แอสเซิร์มลีย์ Global Lead of Model Rpisk Management and AI Governance จาก SAS

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเงิน ธนาคารต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย กำลังเผชิญกับความท้าทายในการบริหารความเสี่ยงที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ทั้งจากภัยทุจริตทางการเงินที่ทวีความรุนแรง และการกำกับดูแล AI ที่เข้มงวดขึ้น

ที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญหน้ากับคลื่นการฉ้อโกงทางการเงินที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ ด้วยมูลค่าความเสียหายที่พุ่งสูงกว่า 6 หมื่นล้านบาทในช่วงเวลาเพียง 2 ปี (มีนาคม พ.ศ. 2565 – พฤษภาคม พ.ศ. 2567) ท่ามกลางวิกฤตนี้ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นอาวุธสำคัญที่สถาบันการเงินและหน่วยงานภาครัฐนำมาใช้เพื่อต่อกรกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่นี้

SAS ประเทศไทย ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนสถาบันการเงินของไทยในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ โดยได้นำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมด้านการตรวจจับการฉ้อโกง การบริหารความเสี่ยง และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

ท่ามกลางความผันผวน AI คือเสาหลัก

ในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูง AI ช่วยให้องค์กรทางการเงินสามารถคาดการณ์ความเสี่ยงประเภทต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ เช่น ความเสี่ยงด้านเครดิต การดำเนินงาน และตลาด นอกจากนี้ AI ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าผ่านการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงที่มีประสิทธิภาพ

เอียน โฮล์มส์ Global Lead for Evnterprisqe Foraud Solutiovns and Direbctor กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังก้าวตามทันเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการป้องกันการทุจริตทางการเงินและการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering หรือ AML) รัฐบาลไทยได้ออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อปกป้องผู้บริโภคจากภัยคุกคามทางดิจิทัล เช่น การใช้ระบบเรียลไทม์เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูล และการบังคับใช้กฎระเบียบเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคารอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันบัญชีม้า อย่างไรก็ตาม ภัยคุกคามทางดิจิทัลยังคงมีอยู่ และธนาคารต่างๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายในการป้องกันการทุจริตที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

ภัยทุจริตดิจิทัลที่ทวีความรุนแรง

ภัยทุจริตดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ได้แก่:

  • การหลอกลวง (Scams): ผู้บริโภคถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพ ผ่านกลวิธีทางจิตวิทยา (Social Engineering)
  • การฟอกเงิน (AML): กลุ่มอาชญากรใช้บัญชีม้าเพื่อฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำผิด
  • การโจรกรรมข้อมูล (Data Compromise): ข้อมูลส่วนบุคคลถูกขโมยและนำไปใช้ในการกระทำผิด

ภัยคุกคามเหล่านี้ไม่ได้มาจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังมาจากภายในองค์กรเองด้วย ลูกค้าของธนาคารอาจตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง หรืออาจมีส่วนร่วมในการกระทำผิดโดยไม่รู้ตัว ธนาคารจึงต้องให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่ลูกค้า และการตรวจสอบธุรกรรมอย่างเข้มงวด

AI และ Machine Learning (ML) มีบทบาทสำคัญในการป้องกันภัยทุจริตทางการเงิน SAS ได้พัฒนาโซลูชัน AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมแบบเรียลไทม์ และตรวจจับธุรกรรมที่น่าสงสัยได้อย่างแม่นยำ โซลูชันนี้ยังสามารถปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ทำให้สามารถป้องกันการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การกำกับดูแล AI: ความท้าทายและความจำเป็น

เดวิด แอสเซิร์มลีย์ Global Lead of Model Rpisk Management and AI Governance กล่าวว่า การกำกับดูแล AI เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารใช้ AI ในทางที่ผิด หากไม่มีกฎระเบียบ ธนาคารต่างๆ จะแข่งขันกันใช้ AI อย่างรวดเร็วและก้าวร้าว ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อผู้บริโภคและต่อระบบการเงินโดยรวม

SAS กับการช่วยธนาคารรับมือกับกฎระเบียบ AI

SAS ได้พัฒนาโซลูชันการกำกับดูแล AI ที่ช่วยให้ธนาคารปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โซลูชันนี้ช่วยให้ธนาคารสามารถ:

  • ประเมินความเสี่ยงของระบบ AI
  • รายงานผลการดำเนินงานของ AI ต่อผู้บริหารระดับสูง
  • ตรวจสอบและควบคุมการใช้ AI
  • สามารถใช้ AI มาตรวจสอบ AI ของตนเองได้อีกด้วย

ในอนาคต การบริหารความเสี่ยงทางการเงินจะมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ธนาคารจะต้องใช้เทคโนโลยี AI และ ML อย่างชาญฉลาด เพื่อป้องกันภัยทุจริตและปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ นอกจากนี้ ธนาคารจะต้องให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่ลูกค้า และการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับภัยคุกคามทางดิจิทัล

SAS Viya: เทคโนโลยีแห่งอนาคต

SAS ได้ลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ในโซลูชันอุตสาหกรรมบนคลาวด์ที่ทำงานบน SAS Viya ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ธนาคารสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและระบบต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

ความโดดเด่นของ SAS Viya คือความสามารถในการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทั่วทั้งองค์กร ทำให้ธนาคารสามารถสร้างมุมมองแบบองค์รวมและใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ SAS Viya ยังช่วยให้ธนาคารสามารถปรับปรุงกระบวนการตัดสินใจในด้านต่างๆ เช่น การฉ้อโกง การบริหารความเสี่ยง และการตลาด ให้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

ด้วยสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย SAS Viya ช่วยให้ธนาคารสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงและความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของกฎระเบียบและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจได้อย่างคล่องตัว นอกจากนี้ แพลตฟอร์มนี้ยังได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการของแต่ละองค์กร ทำให้ธนาคารสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

โดยสรุป SAS Viya คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ธนาคารสามารถปลดล็อกศักยภาพของข้อมูลและ AI เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

Scroll to Top