ไทยพาณิชย์ (SCB) ประกาศวิสัยทัศน์ “Digital Bank with Human Touch” เดินหน้าปรับองค์กรสู่ธนาคารดิจิทัลเต็มรูปแบบ วางเป้าหมาย 3 ปี สร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 10% ส่วนแบ่ง wealth wallet share อันดับ 1 พร้อมเป็นเบอร์ 1 ในใจลูกค้าทุกกลุ่มภายในปี 2568
กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา ไทยพาณิชย์ยังเติบโตแข็งแกร่ง มีกำไร 54.2 พันล้าน เติบโต 52% YoY ซึ่งการเติบนั้นเกิดจากการที่องค์กรมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีจุดแข็งด้านการให้บริการการเงินครบวงจร ทั้ง Corporate, SME และยังเป็น Top 3 ของการปล่อยสินเชื่อรายย่อย มีจำนวนผู้ใช้แอปพลิเคชัน ติด Top 10 ของประเทศ และเป็น Top 3 ของแอปฯ ธนาคาร
“เรามีฐานลูกค้าถึง 17 ล้านคน และมากกว่า 80% ใช้ SCB EASY”
![SCB เปิดแผนเดินหน้าสู่ดิจิทัลแบงก์ ตั้งเป้าเบอร์ 1 ในใจลูกค้า ภายใน 3 ปี](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2023/02/20230217_SCB_2-1024x768.jpg)
นอกจากนี้ธนาคารยังมีบริการครอบคลุม 766 สาขา ให้ตอบโจทย์ลูกค้ามีตู้ ATM มากกว่า 10,000 ตู้ และมีพนักงานดูแลลูกค้ากว่า 10,000 คน และพนักงานจำนวนมากได้รับ IC License ผ่านหลักสูตรการอบรมเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง
สำหรับปี 2566 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อพัฒนาสู่การเป็นธนาคารที่ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม “Journey to be a Better Bank”
กฤษณ์ กล่าวต่อว่า หลังการเข้ามารับตำแหน่งใน 6 เดือนแรก ได้พยายามทำความเข้าใจลูกค้า ผ่านการเดินสายพบลูกค้าและพนักงานทั่วประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าไทยพาณิชย์จะตอบโจทย์ทุกฝ่ายได้ และสร้างความแข็งแกร่งไปสู่อนาคต จากนั้นเริ่มทำความเข้าใจเชิงลึก ผ่านการจัด Town Hall เพื่อฟังความคิดเห็นของพนักงานแต่ละคน ก่อนจะนำข้อมูลมาเปรียบเทียบ จุดดี จุดแข็ง ของธนาคารเพื่อออกแผนในปี 2566 โดยแบ่งโอกาสออกเป็น 3 ด้าน
![SCB เปิดแผนเดินหน้าสู่ดิจิทัลแบงก์ ตั้งเป้าเบอร์ 1 ในใจลูกค้า ภายใน 3 ปี](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2023/02/20230217_SCB_3-1024x768.jpg)
1.Social & Economic
เศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโต 4-5% จากอานิสงส์ของการเปิดประเทศของจีน การท่องเที่ยวจะฉุดเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ ขณะที่ชนชั้นกลางในอาเซียนจะเพิ่มเป็น 65% ในอีก 10 ปี ข้างหน้า และจากปัจจัยทั้งหมด จะส่งผลให้บริการด้านความมั่งคั่งเติบโตขึ้น โดยกลุ่มที่เข้ามาผลักดันธุรกิจคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ เป็นกลุ่มที่คุ้นชินกับการใช้ดิจิทัล และเมื่อชนชั้นกลางเป็นกลุ่มที่มีอายุน้อยลง ที่มีความสนใจด้านการลงทุน ก็จะทำให้บริการทางการเงินเติบโตมากขึ้น
2.Consumer
จากข้อมูลพบว่าคนไทยใช้แอปพลิเคชันการเงินเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ใช้เงินสดลดลง 94% ของคนไทยเข้าถึงบริการทางการเงิน ขณะที่ 70% เข้าถึงการออมและการชำระเงิน นอกจากนี้คนไทยยังตอบรับเทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะเข้าถึงคนกลุ่มนี้
3.Market Trend
ธนาคารต้องปรับตัวอยู่เสมอ ตั้งแต่ด้านการแข่งขัน Digital Financial Service ด้านลูกค้าต้องการบริการที่หลากหลาย และใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ยังต้องการบริการแบบครบวงจรอีกด้วย
![SCB เปิดแผนเดินหน้าสู่ดิจิทัลแบงก์ ตั้งเป้าเบอร์ 1 ในใจลูกค้า ภายใน 3 ปี](https://www.biztalknews.com/wp-content/uploads/2023/02/20230217_SCB_4-1024x768.jpg)
และจาก 3 ข้อนี้ ภารกิจของธนาคารไทยพาณิชย์ คือ การเป็นธนาคารดิจิทัลอันดับ 1 ด้านการบริหารความมั่งคั่ง ใช้ดิจิทัลเข้ามายกระดับบริการตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมมอบประบการณ์ไร้รอยต่อให้กับทุกช่องทางของลูกค้า ทั้งนี้การจะไปสู่เป้าหมาย จะต้องทำ 3 พันธกิจหลัก ได้แก่
1) ปรับองค์กรเป็นธนาคารดิจิทัล
ปัจจุบันมีการแข่งขันของบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น ธนาคารจะต้องแข่งขันผ่านการลดต้นทุนให้ได้มากที่สุดขณะเดียวกันต้องให้บริการได้ดีที่สุด ผ้านการยกระดับบริการสู่ธนาคารดิจิทัลอย่างเต็มตัว และมอบบริการการเงินดิจิทัลครบวงจร มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัลสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลทางด้านบริการเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า
2) เป็นเจ้าตลาดทางด้านบริหารความมั่งคั่ง
วางรากฐานบริการด้านบริหารความมั่งคั่ง ทั้งทางด้านบุคลากร ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่หลากหลาย พันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ต่อยอดความมั่งคั่งทางด้านทรัพย์สินส่วนบุคคคลและธุรกิจ
3) ให้บริการอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง
เพราะลูกค้าต้องการเข้าถึงบริการทางการเงินจากทุกที่ ทุกเวลา ทุกช่องทาง จึงต้องปรับรูปแบบการบริการให้เป็นแบบ Omni-Channel คือมีทั้งสาขาให้บริการ ใช้คนช่วยนำเสนอสินค้าและบริการ สร้างความเข้าใจกับลูกค้า ขณะเดียวกันก็มีระบบดิจิทัลให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างง่ายดาย
จากพันธกิจทั้ง 3 ด้านนี้ ไทยพาณิชย์มีเป้าหมายว่า จะเป็นธนาคารหลักอันดับ 1 ของไทย ที่ลูกค้าชื่นชอบได้ภายใน 3 ปี เป็นเบอร์ 1 ที่ดูแลสินทรัพย์มากที่สุดในไทย สร้างผลตอบแทนให้ลูกค้าได้มากกว่า 10% ลดต้นทุนการบริหารงานได้ 30% และผลักดันสินเชื่อสีเขียว (Green Finance) เพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท ตามเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืน (ESG)
“เราต้องการเป็นธนาคารที่ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง รู้จักลูกค้าผ่านข้อมูล เพื่อไปสู่เป้าหมายของเรา ที่จะอยู่คู่คนไทยไปอีกเป็นร้อยปี” กฤษณ์ กล่าวทิ้งท้าย