สยาม โซลาร์ พาวเวอร์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด (SSPD) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำ ประกาศเปิดตัวธุรกิจอย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมประกาศวิสัยทัศน์เป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจร ตั้งเป้าขยายตลาดสู่ 6 ภูมิภาคทั่วประเทศภายในปีนี้
นโยบายรัฐผลักดันพลังงานสะอาด ดันโอกาสทำธุรกิจในไทย
ตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จากนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาดของภาครัฐที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 50% ภายในปี พ.ศ. 2573 ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสม
ซานี วิน เฮ็ต (Zarni Win Htet) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ SSPD กล่าวว่า “เราตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะเห็นว่าตลาดยังมีช่องว่างอีกมาก เราไม่ได้มองว่านี่เป็น Red Ocean แต่เป็น Blue Ocean ที่เราสามารถเข้ามาสร้างความแตกต่างได้”
ชูโซลูชันครบวงจรทั้งด้านผลิตภัณฑ์ และด้านการเงิน
SSPD มุ่งเน้นการจัดจำหน่ายอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก พร้อมทั้งให้บริการติดตั้งและบำรุงรักษาครบวงจร โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้า (Distribution Hub) ไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
“เราไม่ได้เป็นแค่ผู้ขายอุปกรณ์ แต่เราต้องการเป็นพันธมิตรกับลูกค้า โดยให้การสนับสนุนด้านการเงิน การฝึกอบรม และบริการหลังการขายอย่างครบวงจร” ซานี วิน เฮ็ต กล่าว
SSPD นำเสนอผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก Tier 1 เช่น Deye, Solis, Trina Solar, DASolar และ SHARK Topsun ในราคาที่เข้าถึงได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมนำเข้าแบรนด์และเทคโนโลยีด้านพลังงานสีเขียวที่ดีที่สุดเพิ่มเติม เพื่อนำพาประเทศไทยก้าวเข้าสู่อนาคตที่ยั่งยืน
สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ตั้งเป้าเจาะไปที่กลุ่มลูกค้าอยู่อาศัยทั่วไป กลุ่มธุรกิจ SME และภาคเกษตรกรรม เพื่อช่วยให้ผู้ใช้พลังงานสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ
ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาด 20-25%
SSPD ตั้งเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้ 20-25% จากแบรนด์ที่บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น่าพอใจสำหรับบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ
นอกจากนี้ SSPD ยังมีแผนที่จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
“เราพร้อมจะลงทุนเพิ่ม ซึ่งถ้าขายได้มาก ก็จะลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งเราอาจจะลงทุนเพิ่ม 10-20% ของยอดขาย” ซานี วิน เฮ็ต กล่าว
รุกขยายตลาดในไทย
SSPD เริ่มดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 หลังจากที่ได้เริ่มดำเนินการจดทะเบียนบริษัทและเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทได้เริ่มจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าบางรายแล้ว และคาดว่าจะมีการลงนามในสัญญากับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่อีกหลายรายในเร็วๆ นี้
แผนธุรกิจในปีนี้ของ SSPD มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการหลังการขายและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว รวมถึงการเสริมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาด
และแผนธุรกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า SSPD วางแผนที่จะขยายการให้บริการในภาคธุรกิจและขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้พลังงานทดแทนอย่างจริงจัง
มุ่งมั่นพัฒนาพลังงานสะอาด
SSPD เป็นบริษัทที่มุ่งมั่นในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์คุณภาพสูงในประเทศไทย โดยคัดสรรสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Deye, Solis, Trina Solar และ DAS Solar ซึ่งได้รับการยอมรับในด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความน่าเชื่อถือ
วิสัยทัศน์ของ SSPD คือ การทำให้พลังงานแสงอาทิตย์สามารถเข้าถึงได้ง่ายและคุ้มค่าสำหรับทุกคน โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและบริการที่ครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าได้รับความมั่นใจในทุกการลงทุน
ส่วนพันธกิจของบริษัท คือ การทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เข้าถึงได้ง่าย ราคาเหมาะสม และมีความน่าเชื่อถือ เพื่อสนับสนุนให้ชุมชนและธุรกิจไทยสามารถก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน
ตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก ยังโตต่อเนื่อง
ตลาดพลังงานหมุนเวียนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกภูมิภาค จากแรงผลักดันเชิงนโยบายสิ่งแวดล้อมที่กำลังเข้มงวดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการลดปริมาณคาร์บอนในภาคการผลิตและในอุตสาหกรรมหลักของโลกกำลังต่อสู้กับภาวะโลกร้อนที่สร้างปัญหาในทุกมิติ
โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่เติบโตเร็วที่สุด ราคาของแผงโซลาร์เซลล์ลดลงกว่า 80% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และการใช้งานระบบ โซลาร์บนหลังคา (Rooftop Solar) และ โซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มูลค่าตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกในปี 2024 คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 1.35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 8-10% โดยยังมีจีน ยุโรป และ สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในการผลิตและใช้งานพลังงานหมุนเวียน
สำหรับต้นทุนผลิตพลังงานจาก ‘พลังงานสะอาด (Clean Energy)’ ถูกลงอย่างมีนัยสำคัญตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าขึ้น และมีการคาดการณ์ว่าการใช้พลังงานสะอาดจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดทดแทนพลังงานแบบดั้งเดิม
ดังนั้น การใช้ “พลังงานสะอาด” เป็นเทรนด์ที่ได้รับการตอบรับและการสนับสนุนในระดับสากล ทั่วโลกได้ร่วมมือกันลดการปล่อย ‘ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)’ และสนับสนุนการลงทุนในพลังงานสะอาดเพื่อพัฒนาสภาพภูมิอากาศให้ดีขึ้น
–รัฐบาลจับมือเอกชน ผุดโครงการนำร่อง “ภาษีคาร์บอน” ปูทางสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
