เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกภายใต้แบรนด์ Tops (ท็อปส์) โชว์ความสำเร็จตลอด 28 ปี ผ่านผลประกอบการครึ่งปี 2567 มีปริมาณการใช้บริการที่ร้าน (Ticket Counts) เพิ่มขึ้น 11% และมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พร้อมอัดงบลงทุน 1.6 พันล้านบาท ชูกลยุทธ์ T-O-P-S ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail” ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ด้วยจำนวนสาขารวมกว่า 1,000 แห่ง ภายในปี 2570 พร้อมเปิดตัวมาสคอตครั้งแรกในชื่อ ”Topster“
สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ตลอด 28 ปี ที่ ‘Tops’ ได้ขับเคลื่อนธุรกิจฟู้ดรีเทล โดยยึดลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในทุกยุคสมัย ด้วยเป้าหมายการส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการ จนได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้บริโภค
จากศักยภาพดังกล่าว ส่งผลให้เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ประสบความสำเร็จโดยสะท้อนผ่านผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งมีปริมาณการใช้บริการที่ร้าน (Ticket Counts) เพิ่มขึ้น 11% และมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะเดียวกันได้เดินหน้าขยายสาขาในแต่ละพื้นที่เพื่อเข้าถึงลูกค้าอย่างครอบคลุม
ในสิ้นปีนี้ ท็อปส์ จะมีสาขาเปิดให้บริการครอบคลุมในทุกฟอร์แมตรวมกว่า 730 สาขา ได้แก่
- ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 20 สาขา
- ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตรวมมากกว่า 150 สาขา
- ท็อปส์ เดลี่ อีกกว่า 520 สาขา
- ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ มากกว่า 10 สาขา
- มัทสึคิโยะ อีก 25 สาขา
อีกทั้งยังวางแผนขยายและอัปเกรดสาขาอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่า 100 สาขาต่อปี
และในปีที่ผ่านมา ยังได้รีแบรนด์และปรับโฉมโมเดล ท็อปส์ เดลี่ มินิซูเปอร์มาร์เก็ต ทั่วประเทศโดยออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนล โดยท็อปส์ ออนไลน์ สร้างความพึงพอใจจากลูกค้าหลังใช้บริการเพิ่มขึ้น ขณะที่ ท็อปส์ ไพร์ม ยังคงเดินหน้ามอบสิทธิพิเศษและบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้า พร้อมส่วนลดที่มากกว่าจากการซื้อสินค้าออนไลน์และรับคะแนนสะสมคูณสองเท่าสำหรับทุกคำสั่งซื้อสำหรับสมาชิก The1 หรือรับของสมนาคุณพิเศษและส่วนลดเพิ่มเติมเมื่อซื้อสินค้าผ่านสาขาทั่วไป
ลงทุน 1.6 พันล้านบาท ผ่านกลยุทธ์ T-O-P-S
สเตฟาน กล่าวว่า เราวางเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยภายใน 4 ปี (พ.ศ. 2567-2570) ตั้งเป้าสร้างธุรกิจให้เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี (CAGR) เพิ่อมุ่งสู่การเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยสาขามากกว่า 1,000 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2570 และเพื่อตอกย้ำการเติบโตของธุรกิจในทศวรรษที่ 3 อย่างมั่นคง ท็อปส์ ได้ประกาศทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กร ด้วยการกำหนดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail” พร้อมวางแผนการลงทุนในปี 2567 ด้วยเม็ดเงินกว่า 1.6 พันล้านบาท ผ่าน 4 กลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ หรือ T-O-P-S ได้แก่
- T – Truly World Class: ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าด้วยสินค้าคุณภาพ ทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 80 ประเทศ ทั่วโลก โดยคัดเลือกสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักทั่วโลกมากกว่า 210 แบรนด์มารวมไว้ในที่เดียว อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มเกษตรกรเพื่อพัฒนาสินค้าคุณภาพ พร้อมกิจกรรมการตลาดใหม่ๆ เพื่อโปรโมทสินค้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย
- O – Omni-Channel: สร้างประสบการณ์ช้อปแบบไร้รอยต่อ ทั้งในรูปแบบร้านค้าแบบมี หน้าร้าน (Brick & Mortar store) ที่เปิดให้บริการทั่วประเทศใน 46 จังหวัด รวมกว่า 700 แห่ง ควบคู่กับการพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนล และช่องทางการขนส่งผ่านแพลตฟอร์มดิลิเวอรี ท็อปส์ ออนไลน์ บริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว หรือ Personal Shopper รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางอย่าง Tik Tok เป็นต้น
- P – Pleasure: สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งสินค้าที่ดีที่สุดกับ 14 กลุ่มสินค้า (14 Wonders) อาทิ สินค้าผักและผลไม้ (Fruits & Vegs), ขนมขบเคี้ยว (Snackers), ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ (Wine & Spirits) นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงสินค้า Own Brand และ เอ็กซ์คลูซีฟไอเท็ม Only at Tops รวมกว่า 300 รายการ พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมและประยุกต์ใช้ AI โซลูชัน สอดรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลง
- S – Sustainability: ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกๆ มิติ เดินหน้าสานต่อโครงการ “Small Acts Together” เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยสนับสนุนให้คู่ค้าและลูกค้าคนสำคัญ โดยวางแผนงาน 12 Journeys to Net Zero เพื่อเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่าน 4 แกนสำคัญได้แก่ 1.ดูแลฐานราก ผลักดันผู้ผลิต (Curating) อาทิ ช่วยเหลือเกษตรกรไทย 2.หมุนเวียน (Circulating) ด้วยนโยบายจัดการอาหารส่วนเกิน ลดจำนวนสินค้าใกล้หมดอายุ ส่งต่ออาหารส่วนเกินสู่ชุมชนรวม 6.2 ล้านมื้อ 3.คิดค้นสร้างสรรค์ (Creating Green Innovation) อาทิ สร้างความยั่งยืนในภาคส่วนโลจิสติกส์ มีแผนขยายการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) รวม 29 คันภายในปีนี้ ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 13,335 ตัน และ 4.แบ่งปัน (Contributing) อาทิ ร่วมสมทบทุนบริจาคให้กับองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ในโครงการเด็กทุกคนอ่านได้
พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัว “ท็อปสเตอร์” (Topster) มาสคอตแรกของท็อปส์ ที่จะมาร่วมเป็นตัวแทนส่งมอบความสุขให้กับลูกค้ามอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษนี้
“ความสำเร็จในวันนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าท็อปส์เป็นแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคและสังคมไทย โดยความสำเร็จนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจากความร่วมมือและการสนับสนุนจากพันธมิตร พนักงานทุกคน ที่ตั้งใจปฎิบัติหน้าที่ด้วยเป้าหมายเดียวกัน ตลอดจนลูกค้าที่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ท็อปส์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสานต่อภารกิจการส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน ให้สมกับความเป็นผู้นำแห่งธุรกิจฟู้ดค้าปลีกที่ยึดครองใจผู้บริโภค เพื่อมุ่งสู่การเป็น “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail” สเตฟาน กล่าวสรุป
–CPRAM รุกเปิดโรงงานไฮเทค คุมคุณภาพสินค้า เพิ่มปริมาณการผลิต ชี้ความต้องการขนมปังในไทยยังสูง