ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ถาโถมเข้ามาในปี พ.ศ. 2567 ทรู คอร์ปอเรชั่น (True) ยังคงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิหลังหักภาษีและปรับปรุงรายการพิเศษ (Normalized Net Profit After Tax) ในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2567 อยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท และที่น่าจับตามองยิ่งกว่าคือ EBITDA ที่เติบโตเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 8 แล้ว
ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หากแต่เป็นผลมาจากการขับเคลื่อนด้วยปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ปี พ.ศ. 2567 จะเป็นปีที่ท้าทาย แต่ทรูยังคงเดินหน้าพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และ EBITDA เติบโตเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน ความสำเร็จนี้มาจากการขับเคลื่อนด้วยปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การเร่งดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย การเสริมความแข็งแกร่งด้วยพันธมิตรระดับโลก และการนำประโยชน์จาก AI และการวิเคราะห์ล้ำสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายและขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัล
ด้าน ชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร กล่าวเสริมว่า ในปี พ.ศ. 2568 ทรูมั่นใจว่าจะส่งมอบเครือข่ายที่ดีที่สุด พร้อมคุณภาพบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ยกระดับการบริการลูกค้าด้วยการนำ AI มาใช้ ทั้งการแนะนำบริการที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย การให้ความช่วยเหลือทันที และการสนับสนุนพนักงานขายและคอลเซ็นเตอร์ด้วย AI co-pilots โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มผู้ใช้บริการดิจิทัลจากหนึ่งในสามเป็น 40% และขยายฐานผู้ใช้ดิจิทัลเป็น 20 ล้านราย
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2567 พบว่า จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่กลับมาเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้น 116,000 เลขหมาย หรือ 0.2% ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 49.4 ล้านเลขหมาย
นกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) กล่าวว่า ปี พ.ศ. 2567 เป็นปีที่สำคัญสำหรับทรู ด้วยการพลิกกลับมามีกำไรภายหลังการปรับปรุงตั้งแต่ไตรมาสแรกอย่างเกินความคาดหมาย โดยมีกำไรภายหลังการปรับปรุงทั้งปีอยู่ที่ 9.9 พันล้านบาท มาจากไตรมาส 4 จำนวน 3.6 พันล้านบาท
รายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน โดยรายได้จากการให้บริการทั้งปีเติบโต 4.6% สูงกว่าแนวโน้ม การปรับตัวดีขึ้นของรายได้มาจากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ และการปรับสมดุลการแข่งขันด้านราคา
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 7.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมและวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง EBITDA เพิ่มขึ้น 12.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 1.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยภาพรวมปี พ.ศ. 2567 EBITDA เพิ่มขึ้น 14.5% สูงกว่าแนวโน้ม
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 4 ทรูได้บันทึกผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจำนวน 1.11 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มีผลขาดทุนสุทธิหลังหักภาษี 7.5 พันล้านบาท แต่เมื่อปรับปรุงรายการพิเศษเหล่านี้ กำไรสุทธิหลังหักภาษีจะอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท
สำหรับแนวโน้มในปี พ.ศ. 2568 ทรูคาดว่ารายได้จากการให้บริการจะเติบโต 2-3% EBITDA จะเติบโต 8-10% และค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนจะอยู่ที่ 2.8-3 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี และพิจารณาความเป็นไปได้ในการจ่ายเงินปันผลมากกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญสำหรับปี 2567 และไตรมาส 4/2567
AIS และ True Corporation สองผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ ได้ประกาศความพร้อมในการเปิดใช้งานระบบแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast และ SMS ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมปฏิบัติการทันทีเมื่อหน่วยงานภาครัฐสั่งการ AIS: ระบบ Cell…
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ จับมือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ 5 องค์กรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU)…
“เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เปิดเวที CEO Forum ชูแนวทาง Industrial Decarbonization ภายใต้โครงการ Low Carbon City หนุนผู้ประกอบการไทยลดคาร์บอน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมประกาศเจตนารมณ์ร่วมลดก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน…
ท็อปส์ (Tops) ประกาศศักดาผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ปี 2568 ทุ่มงบไม่อั้น พัฒนาพอร์ตสินค้า Own Brand ทะลุ 5,000 รายการ ชูจุดแข็งด้านคุณภาพระดับพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงได้…
ตามที่ เกิดเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา โดยแรงสั่นสะเทือนได้ส่งผลกระทบมาถึงกรุงเทพมหานคร ทำให้รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) ต้องงดให้บริการชั่วคราว เพื่อแก้ไขรางจ่ายไฟเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถ นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเกิดความเสียหายที่แผ่นปิดรอยต่อคานทางวิ่ง จำเป็นต้องซ่อมแซม ซึ่ง กระทรวงคมนาคม, กรมการขนส่งทางราง…
ไปรษณีย์ไทย ได้เปิดตัวแสตมป์ที่ระลึกชุดพิเศษเนื่องในโอกาสวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช 2568 ด้วยการนำเสนอศิลปกรรมอันทรงคุณค่าที่กำลังจะเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นั่นก็คือ "กระจกเกรียบ" ศิลปะแห่งสยามประเทศที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์แต่กลับหาชมได้ยากยิ่งในปัจจุบัน โดยมีกำหนดการเปิดจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พุทธศักราช 2568 เป็นต้นไป ในราคาดวงละ…
This website uses cookies.