ทรู และ ไชน่า โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศความร่วมมือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ พัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะ ดึงเทคโนโลยีไอโอที (IoT) เชื่อมต่อแบบ M2M บนเครือข่ายทรู 5G

ทรู และ ไชน่า โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศความร่วมมือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ พัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะ ดึงเทคโนโลยีไอโอที (IoT) เชื่อมต่อแบบ M2M บนเครือข่ายทรู 5G

สองผู้นำวงการเทเลคอม ผนึกพลังพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรม ก้าวสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทรู คอร์ปอเรชั่น บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก โดย นายเอกราช ปัญจวีณิน (ที่ 4 จากขวา) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล ลงนามความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ ไชน่า โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ให้บริการสื่อสารระหว่างประเทศที่มีฐานลูกค้าองค์กรและพันธมิตรในภูมิภาคต่างๆ กว่า 36 ประเทศทั่วโลก ในเครือไชน่า โมบาย บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ในจีน โดย นางจูลี่ หนิง (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการใหญ่ ไชน่า โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำประเทศไทย ร่วมสร้างแพลตฟอร์มอัจฉริยะระดับโลก นำเทคโนโลยีไอโอที (IoT) เชื่อมต่อเซ็นเซอร์และอุปกรณ์อัจฉริยะทุกชนิดแบบอัตโนมัติ หรือ Machine to Machine (M2M) เต็มประสิทธิภาพบนเครือข่ายทรู 5G พร้อมเดินหน้าต่อยอดสู่ Machine to Everything (M2X) ที่จะผสานการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม “ดาต้าไวเซอร์” (DataVisor) สมองกลอัจฉริยะเพื่อนำข้อมูลไปบริหารจัดการแบบองค์รวม วิเคราะห์และประมวลผลได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มโอกาสในการนำข้อมูลเชิงลึกไปต่อยอดใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ

“SNNP” ดันแบรนด์ “โลตัส” ลุยตลาดต่อเนื่อง ส่ง 3 สินค้าเรือธง เจาะกลุ่มลูกค้า

ตั้งเป้าขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้ง S-Curve และ New S-Curve อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมพลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงโรงงานต่างๆ ซึ่งจะช่วยยกระดับกระบวนการทำงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และผลผลิต ประเดิมร่วมกันบุกตลาดยานยนต์อัจฉริยะต่างประเทศ ขยายบริการ IoT และ โซลูชันด้าน IoT ของไชน่า โมบาย สู่กลุ่มบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตและทำตลาดในประเทศไทย ให้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นพร้อมเชื่อมต่อการสื่อสารในไทย (Connected Car) บนโครงข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่เร็วแรง ครบกว่า บน 7 ย่านความถี่ ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อรองรับการใช้งานระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ระบบนำทาง (Navigation) และ แอปพลิเคชันด้านความบันเทิง อีกทั้งยังเตรียมเจาะตลาดกลุ่มธุรกิจขนส่ง เชื่อมโยงระบบตรวจสอบตำแหน่งและติดตามรถได้แบบเรียลไทม์ (Fleet Management) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และเพิ่มความปลอดภัยบนถนน นับเป็นความร่วมมือที่ลงตัว เพื่อร่วมกันสนับสนุนภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

Scroll to Top