Business

ไทยยูเนี่ยน โชว์กำไรสุทธิไตรมาสแรกขยายตัว 53.9 เปอร์เซ็นต์ ทะลุ 1.2 พันล้านบาท รับ 3 ธุรกิจหลักโตต่อเนื่อง

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกปี 2567 ที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยยอดขาย 33,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7 เปอร์เซ็นต์ มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 17.3 เปอร์เซ็นต์ จากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และกลุ่มสินค้ามูลค่าเพิ่มและธุรกิจอื่น ๆ ขณะที่อัตรากำไรสุทธิหลังการปรับปรุงส่วนแบ่งกำไรและผลประโยชน์ทางภาษีจาก Red Lobster แล้ว มีความสามารถในการเติบโตที่ดีมากถึง 53.9 เปอร์เซ็นต์ หรือ 1,200 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อน ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของความต้องการสินค้าในกลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มธุรกิจอาหารกระป๋อง กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และกลุ่มสินค้ามูลค่าเพิ่มและธุรกิจอื่น ๆ

นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินครั้งที่ 3 ตามแผนอย่างต่อเนื่อง และยังมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในเกณฑ์ที่ดีคือ 0.82 เท่า ณ สิ้นไตรมาสแรก สะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การที่ไทยยูเนี่ยนมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักในกลุ่มธุรกิจอาหารกระป๋อง, กลุ่มธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง และโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ นับเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้กลับมาเติบโตพร้อมสร้างผลกำไรและมูลค่าเพิ่มได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาไทยยูเนี่ยนได้แสดงให้เห็นว่าเราสามารถรับมือและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ท้าทายได้รวดเร็วและเป็นอย่างดี ทำให้ธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา และมั่นใจว่าการเดินหน้าในครั้งนี้จะเป็นปัจจัยบวกทำให้ไทยยูเนี่ยนเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งในที่สุด”

สำหรับผลประกอบการตามกลุ่มธุรกิจในไตรมาสแรก พบว่า กลุ่มธุรกิจอาหารกระป๋อง มียอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 12.7 เปอร์เซ็นต์ หรือ 17,156 ล้านบาท นับเป็นปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นถึง 12.7 เปอร์เซ็นต์ สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็นผลจากปริมาณความต้องการสินค้าที่ขยายตัวในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐอเมริกาเป็นปัจจัยบวกทำให้เติบโต ขณะที่อัตราส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารกระป๋อง ปรับตัวลดลงเป็น 16.6 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการปรับราคาขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบในการผลิต ในส่วนของกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ยอดขายปรับเพิ่มขึ้นถึง 13.2 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 3,955 ล้านบาท จากการนำกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าพรีเมียมและการปรับปรุงราคาสินค้า ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นเติบโตอย่างแข็งแกร่งเป็น 25.7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่สองปี 2565

ส่วนกลุ่มสินค้ามูลค่าเพิ่มและธุรกิจอื่น ๆ มียอดขายในไตรมาสแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 29.5 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้วมีอัตราเติบโตดีขึ้น 10.8 เปอร์เซ็นต์ โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากการมีสินค้าที่หลากหลาย ส่วนกลุ่มธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง มียอดขายที่ชะลอตัวลง 17.7 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการสินค้าในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ชะลอตัว ประกอบกับบริษัทฯ มีการปรับลดขนาดการดำเนินธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาลง โดยสัดส่วนธุรกิจของไทยยูเนี่ยนในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา คิดเป็นอัตรา 38.6 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมทั้งหมด รองลงมาเป็น ยุโรป 29.6 เปอร์เซ็นต์ ไทย 10.9 เปอร์เซ็นต์ และ อื่นๆ อีก 20.9 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ผ่านมากับกำไรสุทธิที่ปรับปรุงในช่วงเดียวกันปี 2566 นับเป็นการขยายตัวที่ดีและแข็งแกร่ง โดยปัจจัยสำคัญมาจากภาพรวมของทุกกลุ่มธุรกิจที่เติบโตขึ้น แม้ว่าจะมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง ส่วนแบ่งกำไรที่น้อยลง รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และมีค่าใช้จ่ายทางด้านภาษีที่มากขึ้นก็ตาม

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ผ่านมา Japan Credit Rating หรือ JCR ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของไทยยูเนี่ยนจาก A- ไปเป็น A แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ โดยอยู่ในอันดับเดียวกับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอีกด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมุ่นมั่นในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานะทางการเงิน ส่งผลให้ไทยยูเนี่ยนมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่เกณฑ์ที่ดี 0.82 เท่า ณ สิ้นไตรมาสแรก ปี 2567 ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับที่บริษัทตั้งเกณฑ์ไว้ และเมื่อต้นปี 2567 ไทยยูเนี่ยนมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินครั้งที่ 3 ในวงเงินไม่เกิน 3,600 ล้านบาท และไม่เกิน 200 ล้านหุ้น เพื่อแสดงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้น รวมถึงช่วยเพิ่มกำไรต่อหุ้นให้ดีขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 บริษัทฯ ได้ดำเนินการซื้อหุ้นคืนแล้วจำนวน 86 ล้านหุ้น พร้อมตั้งเป้าว่าจะสามารถทำได้แล้วเสร็จตามกำหนดในเดือนมิถุนายน ปี 2567

นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยน ยังคงเดินหน้าพันธกิจด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกได้ประกาศความสำเร็จ โครงการลดการปล่อยน้ำทิ้งสู่สาธารณะเป็นศูนย์ (Zero Wastewater Discharge) ในฐานะโรงงานอาหารทะเลต้นแบบที่สร้างมาตรฐานด้านการบริหารจัดการน้ำทิ้งในระบบได้สำเร็จเป็นรูปธรรม 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน ยังได้ร่วมกับ องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติระดับโลก The Nature Conservancy (TNC) และ บริษัท อาโฮลด์ เดอแลซ สหรัฐอเมริกา (Ahold Delhaize USA) หนึ่งในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกระดับโลก เปิดตัวโครงการนำร่องเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการเลี้ยงกุ้ง ตั้งเป้าสร้างการเปลี่ยนแปลงในการเลี้ยงสัตว์น้ำแบบก้าวกระโดดและยั่งยืน รวมถึง การที่บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ได้รับการรับรองมาตรฐานอาหารสัตว์ระดับโลกจากองค์กร Aquaculture Stewardship Council หรือ ASC เป็นแห่งแรกในเอเชีย เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการผลิตอาหารสัตว์อย่างยั่งยืนให้กับภูมิภาคนี้

“ผมมั่นใจว่าแผนยุทธศาสตร์องค์กรเพื่อมุ่งสู่ปี 2573 จะช่วยเตรียมความพร้อมและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เพื่อดูแลสุขภาพที่ดีของผู้คน สัตว์เลี้ยง ควบคู่กับการดูแลโลกใบนี้ จากเป้าหมายปัจจุบันที่ไทยยูเนี่ยนมุ่งสร้าง “การมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ หรือ Healthy Living, Healthy Oceans” นี่จึงนับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นและใส่ใจกับการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน” ธีรพงศ์ กล่าว

ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น เปิดตัว “IT Expert Services (ITES)”

supersab

Recent Posts

AIS-True เปิดฉากระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ทั่วไทย พร้อมปฏิบัติการทันทีเมื่อรัฐบาลสั่งการ

AIS และ True Corporation สองผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ ได้ประกาศความพร้อมในการเปิดใช้งานระบบแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast และ SMS ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมปฏิบัติการทันทีเมื่อหน่วยงานภาครัฐสั่งการ AIS: ระบบ Cell…

14 hours ago

ดีพร้อม-บางจากฯ ผนึก 5 พันธมิตรธุรกิจ ผลิต “น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน” 1 ล้านลิตรต่อวัน ดันไทยสู่ฮับการบินพลังงานสะอาด ชิงความได้เปรียบเศรษฐกิจโลก

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ จับมือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ 5 องค์กรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU)…

15 hours ago

ก.อุตฯ ผนึก World Bank เปิดเกมรุก “Industrial Decarbonization” ดันไทยสู่ Hub ลงทุนสีเขียว

“เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เปิดเวที CEO Forum ชูแนวทาง Industrial Decarbonization ภายใต้โครงการ Low Carbon City หนุนผู้ประกอบการไทยลดคาร์บอน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมประกาศเจตนารมณ์ร่วมลดก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน…

18 hours ago

Tops เขย่าตลาด FMCG ปี 68 ทุ่ม 5,000 รายการ Own Brand ชูคุณภาพพรีเมียม ราคาโดนใจ ผนึกชุมชนโกอินเตอร์

ท็อปส์ (Tops) ประกาศศักดาผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ปี 2568 ทุ่มงบไม่อั้น พัฒนาพอร์ตสินค้า Own Brand ทะลุ 5,000 รายการ ชูจุดแข็งด้านคุณภาพระดับพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงได้…

20 hours ago

รฟม. แจ้งรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู เปิดให้บริการเดินรถ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) – สถานีตลาดมีนบุรี (PK29) และจัด Feeder รับ – ส่ง สถานีตลาดมีนบุรี (PK29) – สถานีมีนบุรี (PK30)

ตามที่ เกิดเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา โดยแรงสั่นสะเทือนได้ส่งผลกระทบมาถึงกรุงเทพมหานคร ทำให้รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) ต้องงดให้บริการชั่วคราว เพื่อแก้ไขรางจ่ายไฟเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถ นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเกิดความเสียหายที่แผ่นปิดรอยต่อคานทางวิ่ง จำเป็นต้องซ่อมแซม ซึ่ง กระทรวงคมนาคม, กรมการขนส่งทางราง…

20 hours ago

“แสตมป์ กระจกเกรียบ” ศิลปะล้ำค่าแห่งสยาม ไปรษณีย์ไทยเปิดตัวแสตมป์ที่ระลึก วันอนุรักษ์มรดกไทย 2568 ดันไทยสู่สายตาโลก

ไปรษณีย์ไทย ได้เปิดตัวแสตมป์ที่ระลึกชุดพิเศษเนื่องในโอกาสวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช 2568 ด้วยการนำเสนอศิลปกรรมอันทรงคุณค่าที่กำลังจะเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นั่นก็คือ "กระจกเกรียบ" ศิลปะแห่งสยามประเทศที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์แต่กลับหาชมได้ยากยิ่งในปัจจุบัน โดยมีกำหนดการเปิดจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พุทธศักราช 2568 เป็นต้นไป ในราคาดวงละ…

21 hours ago

This website uses cookies.