ความเชื่อ ความศรัทธา ของคนทั่วโลก โดยเฉพาะชาวจีนและฮ่องกง จะทำให้ไทยใช้ ท่องเที่ยวสายมู เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ผลักดัน GDP ให้โตได้จริง?
ปี 2566 นับว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจไทย เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความกังวลจากการระบาดของโควิด-19 อีกระลอก การแบ่งขั้วอำนาจของมหาอำนาจโลก ซึ่งอาจจะลุกลามไปถึงการกีดกันการค้า รวมไปถึงภัยธรรมชาติที่เกิดจากการแปรปรวนของอากาศ ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นมากขึ้น
สำหรับประเทศไทย ที่เคยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว สภาพย่ำแย่มาตลอด 3 ปี จนเพิ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ในปีนี้ ล่าสุดในปี 65 มีนักท่องเที่ยวกลับมาได้ 12 ล้านคน(ไม่รวมจีน) โดยในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาถึง 25 ล้านคน และในปี 67 คาดว่าจะมี 40 ล้านคน เท่ากันจำนวนก่อนเกิดโควิด-19
กว่า 3 ปีที่ผ่านมา หลายคนเก็บกดจากการทำได้เพียงท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งหลังจากหลายประเทศรวมถึงไทยเริ่มผ่อนคลาย ทำให้คนแห่เดินทางออกนอกประเทศมากขึ้น
ขณะที่ วรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ก่อตั้ง officemate กูรูด้าน SME และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า ไทยติดท็อป 5 ประเทศน่าเที่ยวมาโดยตลอด คนไทยมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว จึงเป็นโอกาสทองในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ขณะที่ทุกประเทศต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็วและทันที ซึ่งการท่องเที่ยวทำให้เห็นผลได้เร็วที่สุด การจับจ่ายของนักท่องเที่ยวมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้การท่องเที่ยวยังช่วยให้เม็ดเงินกระจายตัวไปทั่วภูมิภาคของประเทศ เงินจะลงไปที่ชุมชนรากหญ้ามากขึ้น
“การจัดระบบที่ดีจากรัฐและเอกชน จะช่วยให้มีรายได้จากนักท่องเที่ยวเข้ามามาก”
หากมองลึกไปถึงด้าน GDP รายได้จากการท่องเที่ยวนั้นเปรียบเสมือนการส่งออก คือ ได้เงินตราต่างประเทศเข้ามาทันที แต่ที่มากกว่านั้น คือ ช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่ด้านเอกชนเกิดการลงทุนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ภาครัฐต้องขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น
“เพราะฉะนั้นการท่องเที่ยวจะช่วยผลักดัน GDP ไทยได้มากกว่า 20%”
วรวุฒิ กล่าวต่อว่า หนึ่งในภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ คือ Bangkok Blue เพราะหลังเปิดประเทศนักท่องเที่ยวโหยหาและคิดถึงประเทศไทย หลายคนโพสต์ลงโซเชียลจนกลายเป็นไวรัล ทำให้คนอื่นอยากมาเที่ยวไทยบ้าง เพราะฉะนั้นรัฐและเอกชนไทย ต้องขับเคลื่อนโมเมนตัมให้ดีเพื่อให้เกิดการเที่ยวซ้ำ
ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ มีทรัพยากรธรรมชาติที่ดี ด้านศิลปวัฒนธรรม หรืออาหาร ไทยก็มีจุดเด่น แต่สิ่งที่ไทยยังไม่เก่งคือ การท่องเที่ยวเชิงช้อปปิ้ง จึงทำได้แค่รายได้ต่อวัน ต่อคน ประมาณ 2200 บาท ขณะที่เกาหลีใต้ทำได้ประมาณ 10,000 บาท ต่อวัน ต่อคน
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยยังซื้อสินค้าที่ราคาไม่แพง เช่น ยาหม่อง สาหร่าย ขณะที่สินค้าแบรนด์เนม ไทยเก็บภาษีสูงเกินไป ทำให้นักท่องเที่ยวไม่มาซื้อที่ไทย แต่บินต่อไปซื้อที่สิงคโปร์ ทำให้ไทยเสียโอกาสไปมากมาย
“การปรับปรุงโครงสร้างภาษี จะทำให้ไทยได้โอกาสของการจับจ่ายใช้สอยอีกมาก ไทยจะต้องมีสินค้าที่หลากหลาย มีบริการด้าน Vat Refund ที่ง่ายขึ้น”
อีกส่วนที่ต้องปรับคือ ต้องกำจัดด้านการเอาเปรียบ รีดไถ หรือ มาเฟีย ที่คุกคามนักท่องเที่ยว ทำให้คนเหล่านี้ไม่อยากกลับมาอีก ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้
นอกเหนือจากการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และชมศิลปวัฒนธรรม อีกหนึ่งบทบาทที่ประเทศไทยทำได้คือการสร้างจุดหมายปลายทางให้นักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้ามา (Man-Made Destination) เช่น การจัดอีเวนต์แข่งรถ คอนเสิร์ต นิทรรศการ หรือแข่งกีฬา ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ต้องทำให้คนส่วนมากเห็นว่ากิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้เป็นกิจกรรมมั่วสุม
อีกหนึ่ง Man-Made Destination ที่น่าสนใจสำหรับประเทศไทย คือ “ท่องเที่ยวสายมู” เช่น พระพรหมเอราวัณ เพียงจุดเดียวเกิดการใช้จ่ายมากถึง 3-4 พันล้านบาทต่อปี เพราะเป็นจุดที่คนฮ่องกงต้องมา และมาได้บ่อยๆ
ขณะที่การสร้างแหล่งท่องเที่ยวสายมู จะต้องประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ทั้ง ความเชื่อ สถานที่ท่องเที่ยวดี อาหารอร่อย และของดีจากท้องถิ่น
การดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาจากสายมู จะทำให้พื้นที่ข้างเคียงได้ประโยชน์ไปด้วย รวมถึงต่างจังหวัด เช่น จ.ฉะเชิงเทรา โดยปกติจะมีนักท่องเที่ยวไปวัดโสธร 6 ล้านคนต่อปี แต่คนกลับไม่เที่ยวในจังหวัดฉะเชิงเทรา
จนมีการสร้างพระพิฆเนศ ที่วัดสมาน ทำให้เกิดตลาดนัดขนาดใหญ่กว่า 600 ร้านค้า สร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท เพราะคนที่ไปจะซื้อของต่อ เงินจะเข้าไปถึงรายย่อยมากขึ้น หลังจากนั้นยังมี พระพิฆเนศองค์ยืน ที่ฉะเชิงเทราอีกจุดหนึ่ง ทำให้คนต้องเดินทางไปไหวครบทั้ง 3 จุด
“ทั้งหมดนี้เอกชน จ.ฉะเชิงเทรา ใช้เวลาสร้างกว่า 10 ปี จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสายมูที่นักท่องเที่ยวนิยมไป ซึ่งยังไม่รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ถ้าทำให้ดีก็จะต่อยอดได้มหาศาล”
วรวุฒิ กล่าวในตอนท้ายว่า โมเดลนี้ หากจังหวัดอื่นนำไปใช้ก็จะกระตุ้นการท่องเที่ยวและสร้างเศรษฐกิจในจังหวัดได้ เพราะสายมูอยู่คู่กับคนไทยมานานแล้ว หลายคนไม่มีเงินไปหาจิตแพทย์ ก็อาศัยการไหว้พระไหว้เจ้าช่วยลดความเครียด การพัฒนาสายมูจะเกิดการท่องเที่ยวในจังหวัดมากขึ้น เกิด Connect the dots คนจะเดินทางไปจังหวัดข้างเคียงต่อไปเรื่อยๆ หากมีการสร้างแผนเดินทางโดยดึงสายมูเข้ามานำ และผูกไปพร้อมกับการท่องเที่ยว อาหาร ช้อปปิ้ง ก็จะช่วยให้ชุมชนแข็งแรง
หากทำได้ดี จะสร้างโอกาสทำให้ไทยดึงนักท่องเที่ยวได้ 80 ล้านคน ภายใน 3 ปีข้างหน้า และไทยสามารถก้าวเป็นประเทศเบอร์ 2 ที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวไม่ยาก
(*ปี 2019 ไทยอยู่อันดับ 4 มีรายได้จากการท่องเที่ยว 1.91 ล้านล้านบาท ตามหลัง สเปน อันดับ 2 ที่ 2.23 ล้านล้านบาท)
ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจในแบรนด์ที่สะท้อนรสนิยมและความสนใจของตัวเองมากขึ้น "Lifestyle Brand" หรือ "แบรนด์ไลฟ์สไตล์" จึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยสร้างความผูกพันอันแข็งแกร่งกับลูกค้า โดยนำเสนอมากกว่าแค่สินค้าหรือบริการ แต่เป็นการนำเสนอ "วิถีชีวิต" ที่ลูกค้าใฝ่ฝัน จากรายงาน Business of Fashion (BoF)…
AIS จับมือ OPPO เปิดตัว OPPO Find X8 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิป รุ่นล่าสุด ในราคาเริ่มต้นเพียง 18,999 บาท พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับลูกค้า AIS…
ออเนอร์ กรุ๊ป เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู "Once Wongamat" บนทำเลทองวงศ์อมาตย์ ชูจุดเด่นการออกแบบที่ผสานความหรูหรา และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ออเนอร์ กรุ๊ป (Honour Group)…
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มอบประกันอุบัติเหตุจากกรุงไทย แอกซ่า ฟรี 30 ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม - 31 ธันวาคม 2567…
พฤกษา โฮลดิ้ง ไม่หยุดยั้งที่จะสร้างสรรค์สังคมแห่งโอกาสที่เท่าเทียม เดินหน้าสู่ปีที่ 6 ของโครงการ “บ้านใส่ใจเพื่อคนพิการ By PRUKSA” โดยผนึกกำลังร่วมกับ โรงพยาบาลวิมุต และ อินโนโฮม คอนสตรัคชัน ในเครือ…
บาร์บีคิวพลาซ่า จับมือ วิตอะเดย์ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการน้ำดื่มผสมวิตามิน ส่ง "วิตอะเดย์ กะหล่ำปลี วอเตอร์" รสชาติสุดว้าว พร้อมดึงพี่ GON ร่วมสร้างสีสัน เอาใจสายเฮลท์ตี้ แถมโปรโมชั่นสุดคุ้มชุดประหยัดหมู 2…