กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ภายใต้การนำของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ เร่งเครื่องปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับ “บุหรี่ไฟฟ้า” อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ดำเนินการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขาย และลักลอบนำเข้าแล้วกว่า 10,000 URLs (10,717 รายการ) ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 ถึง 26 มีนาคม 2568
การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อตัดวงจรการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน
สำหรับแพลตฟอร์มที่ถูกปิดกั้นมากที่สุดคือ X (ทวิตเตอร์เดิม) จำนวน 9,408 รายการ รองลงมาคือเว็บไซต์ 238 รายการ, Facebook 33 รายการ, Instagram 12 รายการ และ TikTok 14 รายการ นอกจากนี้ ยังมีการปิดกั้นกลุ่ม Facebook ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าอีก 238 กลุ่ม
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือ Social listening พบว่ามีการโพสต์ซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก โดยเป็นโพสต์จากผู้ขายถึง 1,039 โพสต์ และจากผู้ซื้อ 251 โพสต์
รองนายกฯ ประเสริฐ ย้ำเตือนถึงอันตรายและบทลงโทษทางกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า โดยผู้ที่ “ขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาเติม” จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567
ส่วนผู้ที่ “ซื้อ หรือ ครอบครอง” บุหรี่ไฟฟ้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ และ “การนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร” มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับเป็นเงิน 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 นอกจากนี้ การ “สูบบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะหรือเขตปลอดบุหรี่” ยังมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
–“สุริยะ” การันตีนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” เปิดใช้ครบทุกสี-ทุกเส้นทาง ดีเดย์ 30 ก.ย.68