ไปรษณีย์ไทย จับมือ NT เปิดจุด “EMS Point” ในศูนย์ NT 33 จุด ทั่วภาคเหนือ

ไปรษณีย์ไทย จับมือ NT เปิดจุด “EMS Point” ในศูนย์ NT 33 จุด ทั่วภาคเหนือ

ไปรษณีย์ไทย ร่วมกับ NT ลงนามข้อตกลงความร่วมมือขยายการให้บริการร่วมกัน พร้อมเปิดจุดให้บริการ “EMS Point” บริการรับ – ส่งพัสดุด่วนภายในประเทศ ณ ศูนย์บริการเอ็นทีพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 33 จุด ครอบคลุมพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา พิษณุโลก แพร่ น่าน ตาก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และ สุโขทัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมถึงส่งเสริมพัฒนาธุรกิจให้กับลูกค้าในยุคดิจิทัลให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

ดร.วราภรณ์ ข้องเกี่ยวพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และการขับเคลื่อนองค์กร บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า การขยายเครือข่ายให้บริการส่งด่วนทั่วไทยในครั้งนี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาสู่พื้นที่ภาคเหนือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายการบริการรูปแบบจุดส่งด่วนไปรษณีย์ EMS Point ภายในศูนย์บริการของ NT พื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด 33 แห่ง รวม 13 จังหวัด ซึ่งจุดให้บริการส่งด่วนไปรษณีย์ EMS Point เป็นการให้บริการส่งของแบบกล่องเหมาจ่าย ไม่ต้องชั่งน้ำหนัก ส่งด่วนด้วยมาตรฐานบริการ EMS เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้บริการโซนภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ

MBK ลุยอีเวนต์ กระหน่ำโปรโมชันสร้างสีสันไตรมาสสุดท้าย

อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ ที่ศูนย์บริการ NT นอกจากมาจ่ายค่าโทรศัพท์บ้าน ค่าอินเทอร์เน็ตแล้ว ยังสามารถส่งของได้อีกด้วยเป็นจุดให้บริการครบวงจร One Stop Service และในอนาคต ไปรษณีย์ไทยมีแผนต่อยอดบริการ โดยจะร่วมกับ NT นำสินค้าการเกษตร สินค้าชุมชน สินค้าที่ระลึกของไปรษณีย์ และสินค้าอื่น ๆ จาก Thailandpostmart มาวางจำหน่ายภายในจุดให้บริการของ NT ด้วย เพื่อสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ เกษตรกรในพื้นที่ให้มีช่องทางทางการขายและมีรายได้เพิ่มขึ้น

ดร.สุรชัย อนุตระกูลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มขายและปฏิบัติการลูกค้าภาคเหนือ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจด้านโลจิสติกส์และด้านโทรคมนาคมเข้าด้วยกัน ซึ่งการผสมผสานความชำนาญและประสบการณ์ในธุรกิจระหว่างกันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้บุคลากร การบริการของทั้งสององค์กร สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการดำเนินธุรกิจบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันและสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

Scroll to Top