บอร์ดบีโอไอ (BOI) ไฟเขียวมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ หนุนผู้ผลิตเพิ่มประสิทธิภาพและเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่ เปิดส่งเสริมกิจการจัดการแบตเตอรี่ครบวงจร ดันไทยฮับ EV อนุมัติโครงการลงทุน มูลค่า 57,000 ล้านบาท พร้อมอนุมัติเงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ช่วย Startup ไทยก้าวสู่ยูนิคอร์น
นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับ 10 ของโลก โดยรถยนต์และชิ้นส่วนถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ที่สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี มีผู้ผลิตที่อยู่ในซัพพลายเชนกว่า 2,300 ราย และมีการจ้างงาน 8 – 9 แสนคน การยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น สามารถแข่งขันได้ หรือสามารถขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอากาศยาน เครื่องมือแพทย์ เครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ และทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในอนาคต
ผู้ประกอบการที่ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ สามารถขอรับการส่งเสริมตามมาตรการดังกล่าว โดยเสนอแผนลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมหรือเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ เช่น การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร หรือนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การขอรับรองมาตรฐานในอุตสาหกรรมใหม่ การอบรมบุคลากรด้านเทคโนโลยีหรือหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับอุตสาหกรรม เป็นต้น วงเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี เป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของเงินลงทุน ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับตั้งแต่ได้รับบัตรส่งเสริม โดยต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนภายในสิ้นปี 2568
บอร์ดบีโอไอได้อนุมัติเปิดให้การส่งเสริมกิจการสำคัญเพิ่มเติม ได้แก่ กิจการศูนย์บริการซ่อมแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แล้ว และกิจการนำแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าและ/หรือระบบกักเก็บพลังงานที่ไม่ใช้แล้ว มาจัดชุดใหม่ (Repack) หรือนำมาใช้ใหม่ (Reuse) เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมีระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่แบบครบวงจร ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเนื่องจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และเป็นการส่งเสริมระบบนิเวศของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยให้สมบูรณ์ด้วย
นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไอยังได้เปิดส่งเสริมกิจการ Data Hosting เพื่อรองรับการลงทุนของผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่ที่มุ่งลงทุนในอุปกรณ์ประมวลผลที่ทันสมัย และเพื่อให้เกิดการใช้ Data Center ในไทยได้เต็มประสิทธิภาพ และกิจการสถานกักกันสัตว์ก่อนการส่งออก โดยให้บริการกักกันสัตว์เพื่อตรวจโรคและรับรองตามมาตรฐานการค้าปศุสัตว์ระหว่างประเทศก่อนที่จะทำการส่งออก เพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตตลาดการค้าปศุสัตว์ระหว่างประเทศของไทย
บอร์ดบีโอไอได้อนุมัติโครงการลงทุนรวม 8 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 56,947 ล้านบาท โดยเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งในด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ พลังงานสะอาด กิจการ Data Center กิจการโรงพยาบาล และการขนส่งทางอากาศ ดังนี้
1) โครงการผลิตเอทิลีนชีวภาพ (Bio-Ethylene) ของบริษัท บราสเคม สยาม จำกัด โดยโครงการนี้เป็นการผลิตเคมีภัณฑ์ต้นน้ำสำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกจากไบโอเอทานอล ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบหมุนเวียนจากผลผลิตทางการเกษตร เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด เงินลงทุน 19,313 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง มีกำลังการผลิต 200,000 ตันต่อปี ถือเป็นโรงงานผลิตเอทิลีนชีวภาพแห่งแรกในเอเชีย และเป็นโรงงานแห่งที่สองของโลก รองจากบราซิล
2) โครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะ ของบริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 8 จำกัด เงินลงทุน 2,855
ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี มีกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ โดยบริษัทจะรับขยะมูลฝอยในชุมชนเป็นวัตถุดิบเพื่อนำมาเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิง ช่วยจัดการปัญหาขยะในชุมชน
3) โครงการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวล ของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ แพลนท์ 12 จำกัด เงินลงทุน 9,396 ล้านบาท ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมของบริษัท 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด จังหวัดปราจีนบุรี โดยเป็นการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากน้ำมันยางดำ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตเยื่อกระดาษ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล 130 เมกะวัตต์ และไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวล 576 ตัน/ชั่วโมง
4) โครงการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำระบบ Cogeneration ของเครือ SCG เพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มบริษัท SCG Chemicals เงินลงทุน 6,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าระบบ Cogeneration 130 เมกะวัตต์ และไอน้ำระบบ Cogeneration 160 ตัน/ชั่วโมง
5) โครงการ Data Center ของบริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด เงินลงทุน 3,345
ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการที่ 5 ของบริษัท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยโครงการนี้เป็นการขยายการลงทุนบนพื้นที่ True IDC East Bangna Campus ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
6) โครงการ Data Center ของบริษัทชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Data Center อันดับต้น ๆ ของโลก เงินลงทุน 7,185 ล้านบาท รองรับ IT Load ขนาด 20 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ
7) โครงการโรงพยาบาล ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลภูเก็ต จำกัด เป็นศูนย์การวินิจฉัยทางการแพทย์ขั้นสูง ในรูปแบบ Boutique Hospital ขนาด 212 เตียง เงินลงทุน 4,960 ล้านบาท รองรับการให้บริการนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับนานาชาติสู่จังหวัดภูเก็ต
8) โครงการขนส่งทางอากาศสำหรับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ ของบริษัท ไทย ไลอ้อน เมนทารี จำกัด จำนวน 10 ลำ เงินลงทุน 3,893 ล้านบาท รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ
“โครงการที่ขอรับการส่งเสริมลงทุนในครั้งนี้ เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งไทยและต่างชาติในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพ พลังงานสะอาด กิจการสนับสนุนการท่องเที่ยว การให้บริการทางการแพทย์และสุขภาพ รวมทั้งธุรกิจ Data Center ขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของ Digital Transformation, Cloud Computing, IoT และเทคโนโลยี AI ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โครงการลงทุนเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ไทยยังเป็นหมุดหมายสำคัญของการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะช่วยยกระดับไปสู่เศรษฐกิจใหม่” นฤตม์ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (บอร์ดกองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ได้อนุมัติมาตรการส่งเสริมการลงทุน Startup ที่มีศักยภาพสูง ตั้งแต่ระดับ Pre Series A ถึง Series A ที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยกำหนดวงเงินสนับสนุนตั้งแต่ 20 – 50 ล้านบาท ในรูปแบบ Matching Fund ร่วมกับกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เพื่อสนับสนุน Startup ที่มีศักยภาพของไทยให้สามารถเติบโตไปสู่ระดับยูนิคอร์นได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และผลักดันไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
“บีโอไอให้ความสำคัญกับการสนับสนุน Startup ที่มีศักยภาพผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยปัจจุบันมีการสนับสนุน Startup ในอุตสาหกรรมเป้าหมายไปแล้วจำนวน 14 ราย สำหรับการปรับปรุงมาตรการในครั้งนี้ จะเป็นการทำงานร่วมกับ Venture Capital ระดับมืออาชีพ เพื่อร่วมกันสนับสนุน Startup ไทยที่มีศักยภาพ ให้มีเงินทุนเพียงพอในการต่อยอดการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ให้ขยายออกไปสู่ตลาดโลก และเพิ่มโอกาสที่จะเติบโตไปสู่ระดับยูนิคอร์นต่อไป” นฤตม์ กล่าว
โค้ก โดยกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย สร้างความฮือฮาให้กับตลาดเครื่องดื่มอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว "โค้ก" ซีโร่ กลิ่นวานิลลา ความอร่อยใหม่ที่ผสานความซ่าส์อันเป็นเอกลักษณ์ของ "โค้ก" เข้ากับความหอมหวานละมุนละไมของวานิลลาได้อย่างลงตัว ที่สำคัญคือมาในสูตรไม่มีน้ำตาล ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen…
บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น (Epson) ประกาศแต่งตั้ง โยชิดะ จุนคิชิ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและตัวแทนผู้อำนวยการ (President and Representative Director) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ (Chief…
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดย กองสิ่งแวดล้อม ฝ่ายพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง ช่วงเวลากลางคืน การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ โดยเริ่มตั้งแต่จุดก่อสร้าง Cut…
LINE MAN ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Lotus’s และ Lotus’s go fresh ขยายฐานบริการ LINE MAN MART ให้ครอบคลุมกว่า 1,400 สาขาทั่วประเทศ…
พฤกษา ผนึกกำลัง โรงพยาบาลวิมุต มอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพครบวงจรให้ลูกบ้านตลอดปี 2568 ภายใต้แนวคิด "สุขภาพดีเริ่มต้นที่บ้าน" จิตชญา ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง…
ออเนอร์ (HONOR) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป HONOR Magic7 Pro 5G ที่สร้างยอดขายเติบโตสูงถึง 2.4 เท่า นับตั้งแต่เปิดให้พรีออเดอร์เมื่อวันที่ 11-21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568…