กรุงไทยชี้เทรนด์ผลิตภัณฑ์จากแมลงพุ่งแรง คาดปี 2573 มูลค่าส่งออกแตะ 1.1 หมื่นล้านบาท

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าขณะนี้ทั่วโลกให้ความสำคัญกับโมเดลเศรษฐกิจใหม่ เน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ประกอบกับวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนได้ปลุกความกังวลในเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยเร่งให้อุตสาหกรรมอาหารให้ความสนใจกับอาหารและสารอาหารทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารประเภทโปรตีน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จากแมลงได้รับความสนใจยิ่งขึ้น

“ตลาดดังกล่าวมีปัจจัยหนุนและมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทำให้มีแนวโน้มหันมาบริโภคแมลง ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน แร่ธาตุและวิตามินนานาชนิดมากขึ้น อีกทั้งกระบวนการเลี้ยงแมลงยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการเลี้ยงวัว สุกร หรือไก่ โดยคาดว่า ตลาดผลิตภัณฑ์จากแมลงของโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2573 จากเดิมที่มีมูลค่าประมาณ 343 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564 สำหรับประเทศไทย คาดว่า ในปี 2573 มูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์จากแมลงมีโอกาสจะสูงถึง 1.1 หมื่นล้านบาท หรือราว 10% จากส่วนแบ่งตลาดโลก ส่วนตลาดในประเทศมีศักยภาพที่จะเติบโตไปอยู่ที่ราว 3.9 พันล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าราว 620 ล้านบาท ในปี 2564”

นายอภินันทร์ สู่ประเสริฐ นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์จากแมลงที่คาดว่าจะเติบโตดี ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากแมลงที่ผ่านการแปรรูปแล้วเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ผงโปรตีน โปรตีนบาร์ รวมถึงสารสกัดจากแมลงที่ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเสริม ยาและเครื่องสำอาง หากผู้ประกอบการไทยลงทุนต่อยอดไปในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในรูปแบบผงที่สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้หลากหลายจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูงขึ้น 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับรูปแบบดั้งเดิมในกลุ่มแมลงสดหรือแมลงอบแห้ง และหากผลิตเป็นสารสกัดเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยาและเครื่องสำอาง จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ราว 10-11 เท่า

“เริ่มเห็นผู้ประกอบการธุรกิจอาหารหลายราย มีการทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่สนใจบริโภคโปรตีนทางเลือกที่มีคุณภาพสูง ทำให้มีการนำแป้งหรือผงโปรตีนจากแมลงไปใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนโปรตีน ขณะที่สารสกัดจากแมลงเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่น่าจับตามองในการนำมาต่อยอดเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เวชสำอาง หรืออาหารเสริม โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของเทรนด์ Biopharmaceutical และ Biocosmetics ที่จะช่วยผลักดันให้การใช้สารสกัดจากแมลงในอุตสาหกรรมอาหารเสริมและเครื่องสำอางมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น”

นายกฤชนนท์ จินดาวงศ์ นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและสามารถอาศัยโอกาสในการเติบโตของตลาดนี้ได้ ได้แก่ ผู้ประกอบการธุรกิจเพาะเลี้ยงแมลงสมัยใหม่ อาทิ การเพาะเลี้ยงในรูปแบบ Indoor Farming ซึ่งเป็นรูปแบบการเกษตรภายในโรงเรือนที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและได้มาตรฐาน ผู้ประกอบการธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์จากแมลง โดยเฉพาะในรูปแบบผงและสารสกัด ไปจนถึงผู้ประกอบการในธุรกิจต่อเนื่องที่สามารถใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์แมลงเป็นส่วนประกอบในการผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ เช่น ธุรกิจร้านอาหารที่เน้นตอบโจทย์ด้านสุขภาพ ธุรกิจอาหารเสริม หรือเวชสำอาง เป็นต้น

“ผู้ประกอบการที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดนี้ ควรเน้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหาร อาหารสัตว์ และธุรกิจการแพทย์ที่มีแนวโน้มเติบโต ประกอบกับควรมีแหล่งวัตถุดิบที่เพียงพอ และสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นควรศึกษากฎระเบียบและมาตรฐานส่งออกของประเทศคู่ค้า สิ่งสำคัญคือ การสร้างความร่วมมือกันทั้ง Ecosystem ตั้งแต่ฟาร์มเพาะเลี้ยงแมลง โรงงานแปรรูป รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่ให้การรับรองมาตรฐานและให้คำปรึกษาด้านมาตรฐานอาหาร หน่วยงานวิจัย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตอย่างยั่งยืน”

Scroll to Top