ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า ชี้มาตรการภาษีทรัมป์เป็นการโยนหินถามทางเพื่อสังเกตท่าทีของคู่ค้าสหรัฐฯ แต่ยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบต่อ GDP ไทย คาดมาตรการดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลทันที แนะไทยเร่งหาตลาดใหม่ทดแทน และสร้างช่องทางการส่งออกให้กับผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย เพื่อสร้างรายได้จากการส่งออกและโอกาสทางธุรกิจ อีกทั้งเป็นการกระจายเม็ดเงินสู่ระดับฐานราก
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เปิดเผยว่า มาตรการภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศใช้นั้น เป็นการ “โยนหินถามทาง” เพื่อประเมินท่าทีของคู่ค้า แม้ว่าขณะนี้สหรัฐฯ จะลดอัตราภาษีนำเข้าเหลือ 10% เป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดทางเจรจา แต่ไทยยังคงต้องเตรียมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อ GDP
ดีป้าแนะนำให้ไทยเร่งแสวงหาตลาดใหม่เพื่อทดแทนตลาดสหรัฐฯ พร้อมทั้งยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นประเทศที่มีมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ ควรสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (SME) ให้มีช่องทางการส่งออกที่เข้มแข็ง เพื่อสร้างรายได้และกระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจฐานราก
“การสร้างโอกาสให้ SME ส่งออกได้มากขึ้น จะช่วยสร้างรายได้และกระจายเม็ดเงินสู่ระดับฐานราก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ” ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าว
นอกจากนี้ ดีป้ายังเสนอให้พัฒนาแพลตฟอร์ม PromptTrade ซึ่งเป็นระบบการค้าระหว่างประเทศรูปแบบดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออก
–เอกชนไทยลุยเอง! TSB เดินหน้าปรับสูตรคิดค่าโดยสารให้ “ถูกลง” ลดภาระให้คนเดินทาง