เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange ® 2030 เพื่อต่อยอดความสำเร็จของโครงการตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นด้าน การสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนและดูแลรักษาท้องทะเล การผลักดันอุตสาหกรรมอาหารทะเลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก การทำงานเพื่อตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนของ UN SDGs และ การดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงงานถูกกฎหมาย หรือจัดหาวัตถุดิบ ซึ่งการประกาศในครั้งนี้เป็นการ ก้าวกระโดด จากกลยุทธ์เดิมผ่านพันธกิจทั้งหมด 11 ข้อ ที่ครอบคลุมทั้ง 3 มิติ คือ การจัดหาวัตถุดิบ การผลิตและการกระจายสินค้า และผู้บริโภคและชุมชน
หากย้อนกลับไปถึงที่มาของจุดกำเนิดกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® ในปี 2016 จนมาถึงการประกาศกลยุทธ์ SeaChange® 2030 ในครั้งนี้ เพราะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น จนทำให้ระบบนิเวศตกอยู่ในความเสี่ยง
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ ไทยยูเนี่ยน ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลกจึงได้รุกประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® เป็นครั้งแรกในปี 2016 เพื่อแสดงถึงบทบาทเชิงบวกต่อชุมชนและคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับข้อมูลจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติระบุว่า ประชากรโลกกว่า 600 ล้านคนพึ่งพามหาสมุทรเป็นแหล่งอาหารและใช้ในการประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา
หลังจากประกาศ กลยุทธ์ SeaChange® ในปี 2016 ไทยยูเนี่ยน ได้ประกาศพันธกิจการจัดหาปลาทูน่าอย่างยั่งยืนเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยมีเป้าหมายว่าภายในปี 2020 ปลาทูน่า 75% ของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัท จะต้องมาจากการประมงที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการรับรองมาตรฐานสินค้าประมง (Marine Stewardship Council : MSC) หรือมาจาก Fishery Improvement Projects หรือ FIP (โครงการพัฒนาการประมง) ซึ่งเมื่อสิ้นปี 2020 ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าภายใต้ตราสินค้าของ ไทยยูเนี่ยน กว่า 88 เปอร์เซ็นต์ มาจากแหล่งประมงที่ได้รับการรับรองจาก MSC หรือจากแหล่งที่เป็น FIP ซึ่งทำได้ดีกว่าที่เป้าหมายกำหนด
จากความสำเร็จของการประกาศพันธกิจปลาทูน่ายั่งยืนทำให้ ไทยยูเนี่ยน เดินหน้าต่อโดยขยับตัวเลขเป็น 100% ของผลิตภัณฑ์ รวมถึง OEM จะต้องมาจากแหล่งประมงที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานภายในปี 2025
นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จในอีกหลากหลายภารกิจ ไม่ว่าจะเป็น
จากความสำเร็จตั้งแต่เริ่มโครงการ SeaChange® ครั้งแรกในปี 2016 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ ไทยยูเนี่ยน พร้อมยกระดับการทำงานด้านความยั่งยืนไปอีกขั้นถึงปี 2030 โดยมีเป้าหมายที่กว้างขึ้น และลึกขึ้น ดูแลครอบคลุมทั้งมิติผู้คนและสิ่งแวดล้อม และยังคงตอบโจทย์ UNSDGs ผ่านพันธกิจทั้ง 11 ข้อ ดังนี้
1.เส้นทางสู่ Net Zero: โดยจะเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42% จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงขององค์กร การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้ไฟฟ้า และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ ภายในปี 2030 ก่อนจะเดินหน้าบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050
2.การทำประมงอย่างรับผิดชอบ: อาหารทะเลที่จับจากธรรมชาติ จะผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ หรือมาจากโครงการปรับปรุงการประมงทั้ง 100% และขยายขอบเขตการทำงานมากกว่าวัตถุดิบปลาทูน่าไปยังสัตว์น้ำอื่นๆ นอกจากนี้ด้านแนวปฏิบัติด้านแรงงานจะต้องมีความปลอดภัย เท่าเทียม
3.การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างรับผิดชอบ: กุ้งเพาะเลี้ยงทั้ง 100% จะต้องผลิตขึ้นโดยส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน้อยที่สุด และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติด้านสวัสดิการและสภาพการทำงานของอุตสาหกรรมอาหาร
4.การฟื้นฟูระบบนิเวศ: สนับสนุนงบจำนวน 250 ล้านบาท (มากกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศ เช่น ปกป้องและฟื้นฟูป่าชายเลน แนวปะการัง และป่าดิบชื้น
5.เกษตรกรรมที่มีความรับผิดชอบ: วัตถุดิบถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มทั้งหมด 100% ได้รับการรับรองว่าจะปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า ส่วนวัตถุดิบไก่จะได้รับการจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ
6.กระบวนการผลิตที่เป็นเลิศ: ปรับปรุงระบบภายในโรงงานเพื่อลดการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ ลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ และลดการสูญเสียอาหารเป็นศูนย์ โดยจะนำร่องในโรงงานหลัก 5 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ
7.งานที่ปลอดภัย มีคุณค่า และเท่าเทียม: เดินหน้าสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย มีคุณค่า ยอมรับความแตกต่างและหลากหลาย มีความเท่าเทียม ให้กับพนักงานทุกคนและยังขยายผลให้ครอบคลุม:
-50% ของผู้บริหารองค์กรเป็นผู้หญิง
-100% ของเรือประมงที่จัดหาวัตถุดิบให้บริษัทจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม และไม่มีแรงงานทาสสมัยใหม่
-100% ของฟาร์มสัตว์น้ำที่จัดหาวัตถุดิบให้บริษัทจะต้องดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านแรงงาน
8.การลดขยะพลาสติกในทะเล: จัดการขยะพลาสติก 1,500 ตัน ไม่ให้มีสารเคมีลงไปปนเปื้อนสู่แม่น้ำลำคลองและทะเล
9.โภชนาการและสุขภาพ: ผลิตภัณฑ์ 100% ที่เก็บได้ในอุณหภูมิห้อง (เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง) ภายใต้แบรนด์ของบริษัทจะต้องยึดตามแนวทางด้านโภชนาการ และ 100% ของผลิตภัณฑ์ที่เก็บได้ในอุณหภูมิห้องที่ออกใหม่ทั้งหมดภายใต้แบรนด์ของบริษัท จะต้องส่งเสริมโภชนาการเชิงบวกเพื่อสุขภาพที่ดี
10.บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน: ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัท 100% จะต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนภายในปี 2025 และจะสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ผลิตให้กับคู่ค้าอย่างน้อย 60% ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
11.การเป็นพลเมืองดีของสังคม: สนับสนุนงบประมาณจำนวน 250 ล้านบาท (มากกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อช่วยเหลือและตอบแทนชุมชนในพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีงานบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเวลาวิกฤติอีกด้วย
ทั้งนี้ การบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยลดปริมาณคาร์บอน จำกัดปริมาณของเสียให้น้อยที่สุด รวมถึงป้องกันและฟื้นฟูระบบนิเวศ ให้เกิดขึ้นจริงตลอดห่วงโซ่มูลค่า
ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ณ วันนี้ไทยยูเนี่ยนมองว่าความยั่งยืนคือหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ และ SeaChange® เปรียบเสมือนใบอนุญาตที่จะทำให้องค์กรดำเนินธุรกิจได้ในโลกปัจจุบัน การดูแลทรัพยากรด้วยความรับผิดชอบเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อเป็นแหล่งอาหารและอาชีพให้กับประชากรโลกในรุ่นต่อไป
ไทยยูเนี่ยนตระหนักถึงสถานการณ์และความเร่งด่วนที่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ครั้งนี้เราจึงตั้งงบประมาณ 7,200 ล้านบาท หรือกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเท่ากับกำไรสุทธิที่บริษัทได้รับในปี 2022 ทุ่มให้กับการทำกลยุทธ์ความยั่งยืนยาวไปถึงปี 2030 พร้อมตั้งเป้าหมายที่ท้าทายเพื่อมุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับห่วงโซ่มูลค่าธุรกิจอาหารทะเล
“SeaChange® 2030 จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้องค์กรของเราบรรลุวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่าความเปลี่ยนแปลงที่ช่วยกันผลักดัน จะเกิดประโยชน์ไม่เพียงแต่กับบริษัทเท่านั้น แต่คือความยั่งยืนเพื่อพวกเราทุกคน” ธีรพงศ์ จันศิริ กล่าวเสริม
ขณะที่ อดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “วันนี้ อุตสาหกรรมอาหารทะเลต้องลุกขึ้นมาเดินหน้าดูแลผู้คน ดูแลโลก และมหาสมุทร เราต้องลงมือทำตั้งแต่วันนี้ และด้วยกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® เรามุ่งมั่นผลักดันให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลกดีขึ้น ความท้าทายเหล่านี้ต้องอาศัยพลังและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล องค์กร รวมไปถึงภาคประชาชน ที่จะช่วยกันทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจริง วันนี้บริษัทกับพันธมิตรพร้อมแล้วที่จะขอให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลกหันมาร่วมกันทำให้โลกของเรายั่งยืน”
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.seachangesustainability.org/
LINE GAME ส่งเกมมือถือตัวใหม่ล่าสุด "LINE ไอเดิล เรนเจอร์" เกมแนว Idle RPG เอาใจเกมเมอร์สายชิล เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ทะยานขึ้นสู่อันดับ…
มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ร่วมกับสภากาชาดไทย และภาคีเครือข่ายจิตอาสา ร่วมมอบความอบอุ่น ส่งต่อความห่วงใยผู้ยากไร้และด้อยโอกาสในกิจกรรม “หนาวนี้ทำดีเพื่อพ่อ” จ.กาญจนบุรี วันนี้ (26 พ.ย. 67) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้ร่วมกิจกรรมกับสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย…
เตรียมตัวพบกับ realme C75 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่ไม่ได้มาเล่นๆ พร้อมทลายทุกขีดจำกัดของความทนทาน ด้วยมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP69 เจ้าแรกและเจ้าเดียวในเซกเมนต์ พร้อมชูโรงด้วยดีไซน์สุดแข็งแกร่ง การันตีคุณภาพระดับโลกด้วยใบรับรองจาก TÜV Rheinland เปิดตัวอย่างเป็นทางการ 3 ธันวาคมนี้…
สหพัฒนพิบูล ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าดัง "มาม่า" เดินหน้ารุกตลาดคนรุ่นใหม่ จับมือ Netflix และนักร้องสาวสุดฮอต "อิ้งค์ วรันธร" เปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ "มาม่า OK X Netflix Squid…
YouTrip (ยูทริป) ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่เชื่อมต่อ YouTrip เข้ากับ Google Pay ให้นักเดินทางไทยสัมผัสประสบการณ์การชำระเงินแบบไร้สัมผัสที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น ผ่านอุปกรณ์ Android โดยไม่ต้องพกบัตรให้ยุ่งยาก ไม่ต้องพกบัตร! จ่ายสะดวกทั่วโลกด้วยปลายนิ้ว…
การประชุม COP29 ณ เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ที่ผ่านมา ไม่เพียงเป็นเวทีสำคัญระดับโลกที่ผู้นำและตัวแทนจากนานาประเทศร่วมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้แสดงพลังสร้างสรรค์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโลกไปสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะ "ธาร ธีรภาสิริ" หรือ "มียู" วัย…