การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันก่อตั้ง รฟม. ครบรอบ 31 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 21 สิงหาคมของทุกปี โดยมี นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. และคณะผู้บริหาร รฟม. ให้การต้อนรับผู้บริหาร/ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มาร่วมแสดงความยินดีและมอบเงินบริจาคสมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ณ อาคาร 1 รฟม. ถนนพระราม 9 ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
ในโอกาสพิเศษนี้ รฟม. ได้ฉลองครบรอบ 31 ปี ภายใต้แนวคิด “Widen Your World” เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของ รฟม. “ร่วมยกระดับเมือง ด้วยโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและนวัตกรรม เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” อันแสดงให้เห็นว่า รฟม. ให้ความสำคัญกับการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าและเชื่อมต่อการเดินทางอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าของ รฟม. อันเป็นภารกิจหลัก ควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม โดยคำนึงถึงผลกระทบของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ทั้งนี้ เพื่อยกระดับการเดินทางและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 31 ปี รฟม. ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานตามแผนงานภายใต้นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม เพื่อให้สามารถส่งมอบการเดินทางที่ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ด้วยระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพให้แก่ประชาชน และสานต่อการดำเนินงานในอีกหลากหลายมิติที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อต่อยอดไปสู่การเจริญเติบโตขององค์กร โดยในปี 2566 รฟม. สามารถเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าเพิ่มเติมได้อีก 1 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง (MRT สายสีเหลือง) มีระยะทางรวมประมาณ 30.4 กิโลเมตร จำนวน 23 สถานี ช่วยเติมเต็มโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าในเขตเมือง ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานครโดยสะดวก
พร้อมกันนี้ รฟม. ยังเร่งรัดการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ให้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี มีระยะทางรวมประมาณ 34.5 กิโลเมตร จำนวน 30 สถานี ตามแผนงานคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในเดือนมิถุนายน 2567 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี มีระยะทางรวมประมาณ 3 กิโลเมตร จำนวน 2 สถานี ตามแผนงานคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2568 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) มีระยะทางรวมประมาณ 23.6 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี ตามแผนงานคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2571 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 35.9 กิโลเมตร จำนวน 28 สถานี โดยแบ่งโครงการออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก (ช่วงสถานีบางขุนนนท์ – สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันออก (ช่วงสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – สถานีสุวินทวงศ์) ตามแผนงานคาดว่าจะเปิดให้บริการทั้งเส้นทางภายในปี 2572 รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย – ลำสาลี (บึงกุ่ม) ซึ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้าที่ รฟม. เตรียมจะดำเนินการต่อไปในอนาคต โดยมีระยะทางรวมประมาณ 22.1 กิโลเมตร จำนวน 20 สถานี ซึ่งเมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จและเปิดให้บริการในอนาคต จะช่วยเติมเต็มโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ รฟม. ยังพร้อมที่จะขับเคลื่อนโครงการรถไฟฟ้าในภูมิภาคอีกจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต – ห้าแยกฉลอง โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ (สายสีแดง) ช่วงโรงพยาบาลนครพิงค์ – แยกแม่เหียะสมานสามัคคี โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา (สายสีเขียว) ช่วงตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์ และ โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดพิษณุโลก (สายสีแดง) ช่วงมหาวิทยาลัยพิษณุโลก – ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพิษณุโลก เพื่อเป็นการรองรับแผนพัฒนาระบบขนส่งและระบบโลจิสติกส์อื่นๆ ของกระทรวงคมนาคม ตลอดจนขับเคลื่อนเศรษฐกิจองค์รวมของประเทศไทยไปจนถึงระดับภูมิภาคอาเซียน
ไม่เพียงแต่ภารกิจหลัก รฟม. ยังมีเจตนารมณ์ที่จะพัฒนาองค์กรในทุกมิติอย่างรอบด้าน โดยมีการดำเนินงานกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibility : CSR) ควบคู่กับภารกิจหลักอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบและสร้างความพึงพอใจให้แก่กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม มีการกำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพ มีระบบบริหารจัดการที่ดี เป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชน รวมถึงส่งเสริมให้บุคลากร รฟม. เป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี สามารถสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน
ซึ่งผลจากความทุ่มเท ตั้งใจของ รฟม. ทำให้ในปี 2566 รฟม. ได้รับรางวัลจากการดำเนินงานด้านต่างๆ อาทิ รางวัลยกย่องเป็น “องค์กรคุณธรรมต้นแบบ” โดยได้รับการประเมินว่า รฟม. เป็นองค์กรที่มีการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมผ่านเกณฑ์ครบทั้ง 9 ข้อ บรรลุเป้าหมายระดับสูงสุดของการเป็นองค์กรคุณธรรมต้นแบบที่มีองค์ความรู้และสามารถให้หน่วยงานอื่นๆ เข้ามาศึกษาดูงานหรือไปเผยแพร่ผลงานให้หน่วยงานอื่นต่อไปได้ รางวัลประกาศนียบัตร “Certificate of ESG Verified Enterprise” ระดับ Silver อันเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของ รฟม. ในการกำกับดูแลกิจการที่ดี สามารถพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยหลักธรรมาภิบาลและนวัตกรรม พร้อมทั้งคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงโล่รางวัลและประกาศเกียรติคุณ ระดับแพลทินั่ม 3 ปีซ้อนจากกิจกรรมการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รฟม. เป็นองค์กรที่ใส่ใจและคำนึงถึงความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานและผู้ปฏิบัติงานภายใน รฟม. ทุกคน เป็นต้น
รางวัลและความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานนี้ ถือเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า รฟม. ไม่หยุดพัฒนา และพร้อมที่ดำเนินงานในทุกมิติอย่างรอบด้าน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่รัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศที่ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจ รวมถึงเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ตลอดจนสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างความเจริญเติบโตให้แก่ประเทศต่อไป ติดตามรายละเอียดและข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ รฟม. www.mrta.co.th และเฟซบุ๊กแฟนเพจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ Call Center รฟม. โทร. 0 2716 4044
นายธีรยุทธ ศักดิ์วิลาสตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มทรัพยากรบุคคล รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคลบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เข้ารับมอบใบรับรอง CAC Certified จาก นายทศพร รัตนมาศทิพย์ กรรมการ CAC ในงาน CAC Certification Ceremony ครั้งที่ 2/2024 ภายใต้แนวคิด…
ไปรษณีย์ไทย เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอีคอมเมิร์ซและการค้าระหว่างประเทศจากไทยสู่เวียดนาม โดยมุ่งใช้ 3 เส้นทางการขนส่งที่สำคัญ ได้แก่ เส้นทางอากาศ เส้นทางภาคพื้น และทางราง พร้อมจับมือการไปรษณีย์เวียดนามพัฒนาบริการไปรษณีย์ภายใต้กรอบความร่วมมือของการไปรษณีย์อาเซียน (ASEANPOST) เดินหน้ายกระดับอีคอมเมิร์ซของทั้ง 2 ประเทศ เตรียมนำสินค้าเมดอินไทยแลนด์และเวียดนาม…
งานวิจัยล่าสุดจากแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวอโกด้าเผยว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายใน 2 ปีหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ งานวิจัยเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งจัดทำโดยอโกด้าร่วมกับบริษัท Access Partnership ได้ประเมินถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยจะได้รับจากการบังคับใช้กฎหมายสมรสเพศเดียวกันในวันที่ 22 มกราคม 2568 โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รับรองกฎหมายนี้ และเป็นประเทศที่สามในเอเชีย รองจากไต้หวันในปี 2562 และเนปาลเมื่อปีที่แล้ว กฎหมายดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยดึงดูดนักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่ากว่า 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี รายงานยังได้คาดการณ์ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะแพร่กระจายไปสู่เศรษฐกิจไทยในวงกว้างจากการบังคับใช้กฎหมายนี้ โดยคาดว่าใน 2 ปี จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมากดังนี้ เพิ่มรายรับจากการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยกระจายไปยังหลายภาคส่วน…
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับสูงสุดในอุตสาหกรรม Oil & Gas Refinery and Marketing จากการประเมินของ S&P Global…
• ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ‘ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่’ มาพร้อมราคาแนะนำช่วงเปิดตัว 899,000 บาท* ในรุ่น e:HEV E จำนวนจำกัด เพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น โดยมาพร้อมข้อเสนอรับฟรีประกันภัย…
HIGHLIGHTS• 🍝 EAT: เปิดตัวในงานนี้เป็นที่แรก! กับเมนูพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟรังสรรค์โดย 5 ร้านดังที่การันตีความอร่อยโดย #GrabThumbsUp ได้แก่ SOURI, เผ็ดเผ็ด, ROOTS, โอ้กะจู๋ และ Shake…