กรมราง ติดตามคืบหน้ารถไฟความเร็วสูงสายอีสาน พร้อมเผยถึงการตรวจคุณภาพสถานีรถไฟ

ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา) หรือโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย – จีน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ระบบรางเป็นระบบหลักในการเดินทางและการขนส่งของประเทศ สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี

โดยกระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงประเทศไทยกับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมในภูมิภาค จากเดิมที่มีการลงนามสัญญาและก่อสร้างงานโยธาเพียง 1 สัญญา ซึ่งสามารถเร่งรัดการดำเนินการสัญญางานโยธาของโครงการจนสามารถลงนามและก่อสร้างได้กว่า 10 สัญญา ซึ่งในการลงพื้นที่ในครั้งนี้ กรมการขนส่งทางราง
ได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่จำนวน 3 สัญญาที่ ได้แก่
1) สัญญาที่ 2 – 1 ช่วงสีคิ้ว – กุดจิก
ระยะทาง 11 กิโลเมตร ความคืบหน้าในการก่อสร้าง 89.40 %
2) สัญญาที่ 3 – 4 ช่วงบันไดม้า ลำตะคอง
ระยะทาง 37.45 กิโลเมตร ความคืบหน้าในการก่อสร้าง 27.78%
3) สัญญาที่ 4 – 7 ช่วงสระบุรี – แก่งคอย
ระยะทาง 12.99 กิโลเมตร ความคืบหน้าในการก่อสร้าง 23%

การลงพื้นที่ของ ขร. ในครั้งนี้ เพื่อดำเนินการติดตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานรถไฟไทยให้มีความเจริญก้าวหน้า และเป็นรากฐานความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทยในระยะยาว ที่ผ่านมาโครงการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ภายหลังจากสถานการณ์การคลี่คลายแล้ว หลังจากนี้การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจะรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้กำชับต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินโครงการให้ก่อสร้างแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2570 ตามแผนงานของกระทรวงคมนาคมที่ต้องการผลักดันการขนส่งทางระบบรางเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนที่จะช่วยสร้างศักยภาพและโอกาสใหม่ทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมถึงสนับสนุนการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจโดยรอบเส้นทาง เกิดการกระจายความเจริญอย่างทั่วถึง และลดความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยต่อไป

พร้อมนี้ ดร. พิเชฐ ยังได้เปิดเผยว่า ภายหลังจากโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้วเสร็จนั้น จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน ดังนี้

  1. ยกระดับคุณภาพชีวิตและระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
  2. ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
  3. เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และลดอุบัติเหตุในการเดินทาง
  4. เพิ่มศักยภาพการคมนาคมขนส่งระบบ
    รางของรัฐ
  5. ลดการกระจุกตัวของประชากร ลดความ
    แออัดของชุมชนและกระจายสู่ภูมิภาค
  6. ประหยัดพลังงาน และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
    ทางอากาศ
  7. ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเชื่อมโยงชุมชน
    สู่ภูมิภาค
  8. สร้างโอกาสและรายได้ให้คนท้องถิ่น รวมทั้ง
    กระตุ้นให้เกิดการลงทุนและพัฒนาเศรษฐกิจ
    ตามแนวเส้นทางรถไฟ

กรมการขนส่งทางรางจะทำหน้าที่กำกับดูแล ติดตาม การดำเนินการต่างๆเพื่อพัฒนาการขนส่งทางรางให้ประชาชนได้รับการบริการที่ดีขึ้น ตรงเวลา และปลอดภัย

Scroll to Top