YouTrip (ยูทริป) เปิดเวทีเสวนาเชิงลึก เผยอินไซต์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางไทยในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 พบญี่ปุ่นยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ที่คนไทยยังไปเที่ยวและเลือกเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ขณะที่คนไทยถล่มเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่าหลังเปิดฟรีวีซ่า นอกจากนี้ยังพบว่าคนไทยเน้นใช้เงินกับสินค้าฟุ่มเฟือย แบรนด์เนม ส่วนของกินกลับเลือกซื้อตามร้านสะดวกซื้อ
ยอดใช้จ่ายช่วงสงกรานต์พุ่ง
จุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงสงกรานต์ปีนี้มีการใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น 150% และ 54% เป็นยอดค่าใช้จ่ายสำหรับช้อปปิ้ง คนไทยเน้นใช้จ่ายตามร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ขณะที่ร้านค้า Pop Mart ติดเทรนด์การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก
ด้าน ภิรมย์ทิศ ทองแถม ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มงานการตลาดผลิตภัณฑ์ บมจ. การบินไทย กล่าวเสริมว่า ยอดจองตั๋วในช่วงสงกรานต์เติบโตขึ้นมาก เทรนด์ที่เห็นได้ชัดคือคนไทยนิยมไปเที่ยวด้วยตนเองมากขึ้น ซื้อทัวร์น้อยลง
ขณะที่ วาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เมืองไทยประกันภัย กล่าวเพิ่มเติมว่า คนไทยยังให้ความสำคัญกับการซื้อประกันเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาพยาบาล อุบัติเหตุ กันการยกเลิกเที่ยวบิน รวมไปถึงกระเป๋าสูญหาย
“คนไทยเลือกไปเที่ยวในพื้นที่ๆ เย็นกว่าไทย โดยเน้นเดินทางไปเอเชียเป็นหลัก ญี่ปุ่น กับ ฮ่องกง เป็นจุดหมายปลายทางคนไทยที่ไปกันมาก ซึ่งเทรนด์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ คนเลือกดูข้อมูลในโซเชียลมีเดียก่อนตัดสินใจเดินทางมากขึ้น” มิเชล โฮ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Klook ประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์ กล่าวเสริม
ญี่ปุ่นยังเบอร์ 1 ส่วนจีนโตแรง
สำหรับจุดหมายปลายทางที่คนไทยนิยมไปในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น พบว่า ญี่ปุ่น ยังคงเป็นประเทศอันดับ 1 ที่คนไทยให้ความสนใจไปเที่ยว ขณะที่เริ่มเห็นการเติบโตของการเดินทางไปจีนมากขึ้น หลังรัฐบาลไทยประกาศเปิดฟรีวีซ่าระหว่างไทยจีน
จุฑาศรี กล่าวว่า ปัจจัยที่ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ดึงดูดคนไทย โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยที่มียอดใช้จ่ายโตกว่า 2 เท่า ขณะที่คนไทยแลกเงินล่วงหน้าเติบโตขึ้น 3 เท่า ส่วนหนึ่งเพราะค่าเงินเยนอ่อนตัวลง
“คนชอบไปช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่น เพราะสินค้าต่างๆ มักจะไม่เหมือนใคร มีความแตกต่าง หรือกับ ดิสนีย์แลนด์ ถึงแม้จะมีอยู่ในหลายประเทศ แต่จะพบว่าที่ญี่ปุ่นมีความน่าไปมากกว่าที่อื่น” จุฑาศรี กล่าว
ภิรมย์ทิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นมีกิจกรรมที่ตอบโจทย์ในหลากหลายฤดูกาล ขณะที่โตเกียวยังเป็นอันดับ 1 ของจุดหมายปลายทาง ตามมาด้วย โอซาก้า นาโกย่า ด้าน ซัปโปโร เป็นจุดหมายปลายทางหลักของคนไทย
“คนไทยชอบญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอากาศ วัฒนธรรม อาหาร รวมถึงการเดินทางที่ไปได้ง่าย ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไปได้เรื่อยๆ เหมือนสนามหลังบ้าน ตราบใดที่ญี่ปุ่นยังฟรีวีซ่าก็ยังมีคนเดินทางไป” วาสิต กล่าว
มิเชล โฮ เสริมว่า ยอดจองรถเช่าในญี่ปุ่นสูงขึ้นมาก เพราะปัจจุบันค่าเดินทางโดยรถไฟเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ค่าเช่ารถรายวันไม่ได้สูงขึ้นตาม ด้าน โตเกียว ดิสนีย์แลนด์ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยไปเยอะมาก นอกจากนี้ทาง Klook ได้ส่งครีเอเตอร์ไปทำคอนเทนต์ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น และพบว่ายังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่น่าสนใจ
ฟรีวีซ่าส่งคนไทยเที่ยวจีนโตก้าวกระโดด
ก่อนจะเปิดฟรีวีซ่านั้น ประเทศจีน ไม่ได้ติดอยู่ในจุดหมายปลายทางหลักที่คนไทยเดินทางไปเที่ยว แต่ภายหลังจากภาครัฐเปิดฟรีวีซ่าไทย-จีน พบว่าคนไทยแห่เดินทางไปจีนมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เติบโตขึ้นถึง 4 เท่า
ภิรมย์ทิศ กล่าวว่า จีนเป็นประเทศที่เข้ามาสอดแทรกได้จากเปิดฟรีวีซ่า ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ไฟลท์บินไปจีนเต็มทั้งหมด 100%
“ในด้านการจองกิจกรรม จีนเติบโต 4 เท่า แต่ยังมีปัญหาด้านข้อมูแหล่งท่องเที่ยว ขณะที่ผลสำรวจพบว่าคนนิยมไป เซียงไฮ้ ดิสนีย์แลนด์” มิเชล โฮ กล่าว
ด้าน วาสิต กล่าวว่า ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาการซื้อประกันภัยของนักท่องเที่ยวไทยที่ไปจีนโตขึ้นประมาณ 4 เท่า แต่จะพบว่ากลุ่มคนที่ไปเที่ยวจีนจะมีความแตกต่างจากกลุ่มคนที่ชอบไปญี่ปุ่น
“เราพบว่าการใช้จ่ายในจีนเติบโตเร็วที่สุดเกือบ 5 เท่าหลังประกาศฟรีวีซ่า แซงการใช้จ่ายในญี่ปุ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถใช้แอปฯ YouTrip ผูกกับ WeChat และ Alipay ขณะที่ เซียงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น เฉิงตู เป็น 4 เมืองที่ได้รับความนิยม” จุฑาศรี กล่าว
จุฑาศรี กล่าวในตอนท้ายว่า เทรนด์เที่ยวล้างแค้นจะยังอยู่ไปอีกสักระยะ ขณะที่เทคโนโลยีจะเข้ามาตอบโจทย์การจองเที่ยวด้วยตนเองมากขึ้น ขณะที่ด้านการใช้จ่ายจะเปลี่ยนไปสู่สังคมไร้เงินสดมากขึ้น
