ในยุคที่ “Trumpism” กำลังเขย่าวงการโลกอีกครั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดเวทีเสวนา “Trump 2.0 วิกฤตหรือโอกาสของระบบ ววน. ไทย” เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบาย “America First” ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบวิจัยและนวัตกรรมของไทย พร้อมชี้ทางรอดและโอกาสใหม่ๆ ที่ไทยต้องคว้าไว้ให้ได้!
ทรัมป์ 2.0 กับความท้าทายใหม่ของโลก
ผศ. ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร กรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (กสว.) เปิดเผยว่า นโยบาย “Trump 2.0” ที่เน้น “America First” ส่งผลให้สหรัฐฯ หันหลังให้กับความร่วมมือระหว่างประเทศหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวจาก Paris Agreement หรือการลดบทบาทในองค์กรระหว่างประเทศอย่าง UN และ UNESCO สิ่งนี้สร้างความกังวลให้กับหลายประเทศ รวมถึงไทย ที่ต้องปรับตัวจาก การตั้งรับเป็นเชิงรุก โดยเฉพาะในด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างตลาดใหม่และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
ไทยต้องเร่งเครื่อง BCG Economy
สกสว. มองว่า นโยบาย “Trump 2.0” จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain) โดยบริษัทต่างชาติอาจย้ายฐานการผลิตมาสู่ภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ไทยจึงมีโอกาสเป็น ศูนย์กลางเชื่อมโยงเศรษฐกิจและการค้า (non-conflict region) แต่ต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและการค้าระหว่างประเทศ เพื่อแข่งขันกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ สกสว. ได้ปรับกลยุทธ์การให้ทุนวิจัยเป็นแบบ “Target Base” ภายใต้นโยบาย “Thailand First Development Agenda” เพื่อผลักดันการพัฒนาตลาดด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI, Quantum Computing, Biotech และพลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
โอกาสทองของไทยในยุคเศรษฐกิจแยกขั้ว
ศ.เกียรติคุณ ดร. นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) กล่าวว่า การกลับมาของทรัมป์อาจสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เกษตร อาหาร และพลังงาน แต่ในทางกลับกัน นี่คือโอกาสที่ไทยจะก้าวขึ้นเป็น ผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภูมิภาค โดยเฉพาะการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่กำลังมองหาฐานการผลิตใหม่ที่มีความมั่นคง
4 แนวทางสำคัญเพื่อ “ทางรอด” ของระบบ ววน. ไทย
ศ. ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. ระบุว่า สกสว. มุ่งเน้น 4 แนวทางหลักเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ได้แก่:
- ลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคต: มุ่งพัฒนา Deep Tech เช่น AI, Quantum Computing, Biotech และพลังงานสะอาด
- พัฒนาบุคลากรทักษะสูง: สร้างแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญด้าน STEM เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง
- สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง: ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา
- เชื่อมโยงกับโลก: สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ
ไทยต้องเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แห่งอาเซียน”
ไทยมีศักยภาพที่จะเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แห่งอาเซียน” ด้วยการดำเนินนโยบายที่เป็นกลางและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับทุกฝ่าย ทั้งสหรัฐฯ จีน และยุโรป เพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถของไทยในเวทีโลก
ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไทยต้องเร่งปรับตัวและคว้าโอกาสจากวิกฤต โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ หากทำได้ ไทยจะไม่เพียงแค่รอดจากวิกฤต แต่จะก้าวขึ้นเป็น ผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภูมิภาคอาเซียน
–รฟม. ลุยตรวจเข้ม ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง รถไฟฟ้าสายสีม่วง