AIS จับมือ 3 กระทรวงใหญ่ และ มจธ. เปิดหลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” ตั้งเป้าสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์เยาวชนไทย 5 ล้านคน

เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม การสื่อสาร หรือการเรียนรู้ ทำให้คนเข้ามาหาประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น แต่สิ่งที่ตามมาด้วยคือภัยคุกคามที่เกิดจากโลกดิจิทัล ทั้งข่าวปลอม การขโมยข้อมูล หรือการหลอกลวงบนโลกออนไลน์

สำหรับประเทศไทยในปัจจุบันมีคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากถึง 69.5% ของประชากร เฉลี่ยใช้งานกันมากกว่า 8 ชม. ต่อวัน ซึ่งภายใต้ความท้าทายเหล่านี้ทำให้หลายภาคส่วนต้องวางแผนรับมือภัยร้ายที่เกิดจากโลกออนไลน์

ซึ่งภาคเอกชนอย่าง AIS ในฐานะผู้ให้บริการ Digital Service ในประเทศไทย ได้จุดประกายความคิด เดินหน้าเป็นสื่อกลางการเชื่อมต่อ สร้างภาคีเครือข่ายกับหน่วยงานภาครัฐพัฒนาสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลในหลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” และได้ร่วมทดลองทดสอบกันมากว่า 7 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2565 ที่ผ่านมา มีคุณครูและนักเรียนเข้ามาทดลองและสอบผ่านไปแล้ว มากกว่า 160,000 คน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาได้มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ในหลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” ที่เกิดจากความตั้งใจของทั้งภาครัฐและเอกชนอย่าง AIS ที่ต้องการยกระดับการศึกษาให้ทั้งนักเรียน นักศึกษา และประชาชน รู้แนวทางการใช้สื่อดิจิทัลและมีภูมิคุ้มกันภัยต่อภัยไซเบอร์ และนำไปขยายผลการเรียนการสอนต่อไป

สำหรับหลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” นั้นเป็นความร่วมมือระหว่าง AIS กับ 3 กระทรวงใหญ่ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ยังมีภาคการศึกษาอย่าง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เข้ามาร่วมด้วย

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า นอกจากการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ตลอดจนการวางโครงสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับประเทศไทยแล้ว สิ่งเดียวที่ AIS ไม่เคยลืมคือความตั้งใจในการสร้างสังคม AIS ทำงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างสรรค์ทักษะใหม่ๆ เพื่อให้คนไทยเกิดความมั่นคงปลอดภัยในการใช้ดิจิทัล มีความฉลาดทางจิดิทัล หรือ DQ นอกเหนือจาก IQ และ EQ

หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ นั้นใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล LearnDi ของ AIS Academy และแอปพลิเคชัน อุ่นใจ CYBER เป็นช่องทางการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนและบุคคลทั่วไปสามารถที่จะเข้ามาใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเนื้อหาแบ่งเป็น 4 Professional Skill Module หรือ 4P4ป ที่ครอบคลุมทักษะดิจิทัล ดังนี้

1. Practice: ปลูกฝังให้มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างถูกต้องและเหมาะสม
2. Personality: การปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
3. Protection: เรียนรู้การป้องกันภัยไซเบอร์บนโลกออนไลน์
4. Participation: รู้จักการปฏิสัมพันธ์ด้วยทักษะและพฤติกรรมการสื่อสารบนออนไลน์อย่างเหมาะสม

“เรายินดีและดีใจมากที่โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนได้อย่างเป็นรูปธรรมและจะก้าวต่อไป ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เรามุ่งมั่นจะทำให้สังคมไทยอยู่ได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน เรายินดีที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่” สมชัย กล่าว

ศึกษาธิการ มหาดไทย สาธารณสุข จับมือสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์

สำหรับบทบาทของกระทรวงศึกษาธิการ ในความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความสำคัญใน 3 ด้าน ของนโยบายกระทรวง เรื่องแรกคือเรื่องการศึกษา เรื่องที่ 2 คือการพัฒนาสมรรถนะทางดิจิทัล และสุดท้ายคือการดูแลวุฒิภาวะการเติบโตทางอารมณ์ และการทำงานร่วมกัน เป็นการผลักดันให้สถานศึกษาสามารถพัฒนาเยาวชนให้เติบโตทางร่างกายและจิตใจ เป็นคนที่มีคุณภาพ เป็นคนที่ดีของประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาชุมชน

โดยหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ กระทรวงศึกษาธิการ เข้ามารับรองหลักสูตรการพัฒนาครู และบุคลากรการศึกษา สายงานการสอน รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการยังส่งต่อหลักสูตรนี้ไปตามสถานศึกษา ภายใต้การกำกับดูแล ของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ช.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ก.ศ.น.)

ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า โลกดิจิทัลมีส่วนกับการเรียนรู้มากขึ้นกับเด็กในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทางกระทรวงศึกษาธิการมีความเป็นห่วงในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลกลุ่มเปราะบาง เป็นกลุ่มที่มีช่วงหลากหลายอายุ ต้องเจอกับภัยไซเบอร์ที่มาจากหลากหลายมิติ ซึ่งการรู้เท่าทันสื่อนั้นจะต้องมีกลไกสำคัญจึงได้เกิดความร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” ขึ้นมา เป็นก้าวสำคัญที่จะได้สร้างการรับรู้ให้คุณครูและนักเรียนเข้าถึง และตระหนักรู้ถึงการใช้สื่อออนไลน์อย่างปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงสื่อเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น

“เราอยากจะช่วยแบ่งเบาครูและผู้ปกครองให้เด็กสร้างการรับรู้ การเลือกสื่อ ให้เข้าใจว่าไซเบอร์มีทั้งด้านดีและไม่ดี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว

ด้านบทบาทของ กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ส่งต่อหลักสูตรไปยังสถานศึกษา รวมถึงองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ

ดร.ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับกระทรวงมหาดไทยนอกจากดูแลเรื่องความสงบเรียบร้อยแล้ว ยังมีความมุ่งมั่นส่งเสริมความแข็งแรงของชุมชน ส่งเสริมการพัฒนาเมือง และโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีคนเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนพันธกิจต่างๆ การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่สามารถเชื่อมต่อกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่าย เข้ามาช่วยกันปลูกฝังและเสริมสร้างทักษะการใช้งาน

“เราพร้อมสนับสนุนให้ครู และบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงนักเรียนจากสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมกว่า 700,000 คน ได้เรียนรู้ในหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ เพราะเราเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรจะมีทักษะเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย” ดร.ทรงศักดิ์ กล่าว

สำหรับ กระทรวงสาธารณสุข รับบทบาทหน้าที่เป็นผู้จัดทำเนื้อหาทั้งหมดที่เกี่ยวกับการใช้สื่อออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย รู้วิธีรับมือจากภัยโลกออนไลน์ การใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม

เพราะจากปัญหาที่ผ่านมา ชาวจิตแพทย์ได้พบกับผู้ป่วยด้านจิตใจ เด็กหลายคนโชคดีที่มาถึงกระบวนการรักษา และมีโอกาสถ่ายทอดเรื่องราวของความเจ็บปวดก่อนจะถึงความสูญเสียต่างๆ แต่มีอีกหลายชีวิตที่ประสบปัญหาและมาไม่ถึงมือจิตแพทย์ ทำให้ต้องสูญเสียคนเหล่านี้ไป จากการทำร้ายตัวเองหรือทำร้ายคนรอบข้าง ซึ่งภาพรวมคือการทำลายสังคม และสิ่งเหล่านี้เกิดอย่างต่อเนื่องในยุคดิจิทัล

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เจตนารมณ์และเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข คือการทำให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีสุขภาพที่ดีทั้งทางกายและใจ ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันพยายามหยุด

สำหรับความร่วมมือการเปิดตัวหลักสูตรนี้ เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มาก และเป็นรูปธรรมที่สุดในการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐหลายหน่วยงานและภาคเอกชน และจะเป็นอีกหนึ่งวิธีการให้ผู้เรียนรู้เกิดความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญในการเข้าสู่โลกออนไลน์ พัฒนากับการรับมือกับภัยไซเบอร์ในทุกรูปแบบ และทำให้ทุกคนรู้เท่าทันการใช้ชีวิตบนโลกดิจิทัลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

“การที่เรามีคนที่ฉลาดในดิจิทัลมากขึ้นเท่าไร ก็จะมีผู้ใช้ที่มีความปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น” พญ.อัมพร กล่าว

ภาคการศึกษาร่วมพัฒนาสื่อการเรียนรู้

ส่วนสถาบันการศึกษาอย่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงการจัดทำแบบทดสอบเพื่อวัดผลการเรียนรู้ในครั้งนี้

รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยได้เข้ามามีส่วนสำคัญกับการจัดทำหลักสูตรดิจิทัลอุ่นใจไซเบอร์ โดยการใช้ศักยภาพของคณะวิทยาศาสตร์อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายในการทำงานเพื่อพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้เพื่อรองรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ความร่วมมือในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการทำงานร่วมกันของคณาจารย์ บุคลากร และคณะทำงานจากหน่วยงานต่างๆ จนได้พัฒนาสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลออกแบบมาในรูปแบบสื่อการสอนให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาผ่านการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ อาทิ Video, Motion Graphic และ Animation รวมถึงการทำแบบทดสอบเพื่อวัดและประเมินผลว่าผู้เรียนมีทักษะและเข้าใจหน้าที่พลเมืองดิจิทัลดีหรือไม่ ที่ผ่านมาได้รับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา

โดยเนื้อหาของหลักสูตรแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ สำหรับผู้เรียนเยาวชน 10-18 ปี เป็นเนื้อหาที่เป็นความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการใช้งานทั่วไปเกี่ยวกับตนเอง เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีและสื่อในโลกยุคดิจิทัล และ สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป เนื้อหาเป็นเชิงลึกในการใช้ทักษะดิจิทัลในองค์กร รวมถึงความสามารถในการใช้สื่อดิจิทัลเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายใหม่ๆ

“หลักสูตรทั้ง 2 ระดับนี้ จะช่วยให้ทุกคนที่เข้ามาเรียนรู้สามารถปรับตัวในการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล เป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ และใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยตามเป้าหมายสูงสุดของความร่วมมือในครั้งนี้” รศ.ดร.สุวิทย์ กล่าว

ด้าน คุณสมชัย กล่าวเสริมในตอนท้ายของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า สิ่งที่ AIS มุ่งมั่นตั้งใจคือการทำธุรกิจแบบยั่งยืน ซึ่งไม่ใช่เรื่องสินค้าและบริการเพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย

“ทั้งนี้เราตั้งใจว่าจะสร้างเยาวชนไทยให้มีความฉลาดอัจฉริยะทางด้านดิจิทัล ผ่านการเรียนรู้หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ให้ได้ 5 ล้านคน โดยเร็วที่สุด” สมชัย กล่าวปิดท้าย

–AIS Go Green รวมพลัง 17 พันธมิตร สร้างพื้นที่สีเขียวทั่วกทม. ต่อเนื่อง

• Facebook
• X
• Line