นางกลอยตา ณ ถลาง รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธาน Carbon Markets Club เปิดเผยถึงภารกิจในการร่วมสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำของกลุ่มบริษัทบางจากในปี 2566 เพื่อรับมือกับภาวะโลกเดือด ผ่านการขับเคลื่อนงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกองค์กรมีความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ สร้างความตระหนักถึงการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของประเทศ กลไกคาร์บอน ทั้งระบบซื้อขาย ระบบภาษี และคาร์บอนเครดิต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของสังคมไทยทั้งระดับบุคคล ชุมชน SMEs และองค์กรธุรกิจ โดยล่าสุดกลุ่มบริษัทบางจาก และ Carbon Markets Club ได้ร่วมกับบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัดโครงการ “Stay for Santa” นำร่องชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผู้เข้าพักโรงแรมในเครือ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป 4 แห่ง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 23 ธันวาคม 2566 ถึง 2 มกราคม 2567 เป็นระยะเวลา 10 คืน รวม 330 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และตลอดปี 2566 ได้ชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ส่วนบุคคลและกิจกรรมต่าง ๆ รวมประมาณ 3,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
โดยภายในองค์กร มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ให้พนักงานมีพฤติกรรมด้านลดก๊าซเรือนกระจก ผ่านการบันทึกพฤติกรรมด้าน Climate Action เช่น การลดใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง การคัดแยกขยะไปรีไซเคิล การใช้บริการรถสาธารณะ หรือลดการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เป็นต้น สำหรับภายนอกองค์กร หลัก ๆ เป็นการดำเนินงานผ่าน Carbon Markets Club ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจที่ร่วมก่อตั้ง รวม 11 แห่งเมื่อปี 2564 และองค์กรสมาชิก รวมถึงพันธมิตรอื่น ๆ โดยดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และเห็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการให้ความรู้ ความเข้าใจ แลกเปลี่ยนข้อมูล โดย ณ สิ้นปี 2566 มีสมาชิกกว่า 750 ราย ทั้งประเภทบุคคลและองค์กร มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิต TVERs และใบรับรองสิทธิในการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน RECs ผ่าน Marketplace ในเว็บไซต์ของ Carbon Markets Club รวมเกือบ 480,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าและ RECs รวมกว่า 1.6 ล้านหน่วย คิดเป็นการปลูกต้นไม้เทียบเท่ากว่า 150 ล้านต้น พร้อมทั้งได้พัฒนาระบบและเปิดให้สมาชิกทดลองใช้ระบบการคำนวณก๊าซเรือนกระจกองค์กร หรือ Carbon Footprint Tracking for Organization (CFO) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่พัฒนาระบบการคำนวณมาจากมาตรฐาน ISO14064 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ได้จัดให้มีการชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์รายบุคคลกับผู้บริหารระดับผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ขึ้นไป กว่า 20 คนเป็น “กลุ่มผู้บริหารไร้คาร์บอน” ตั้งแต่ปี 2565 รวมถึงการชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับ 3 นักแบดมินตันระดับโลกจากโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ “จิว” ลลินรัศฐ์ ไชยวรรณ และร่วมชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกิจกรรมประเภทต่าง ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก เช่น การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทในกลุ่มบริษัทบางจาก งานสัมมนาประจำปี Greenovative Forum การเป็นเจ้าภาพร่วมงานวิ่งโอลิมปิก Olympic Day Run ในจังหวัดน่าน มุกดาหารและกาญจนบุรี รวมถึงชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับการจัดงานและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานสีสันแห่งดอยตุงครั้งที่ 10 (ดอกไม้ระบายดอย: Palette of Flowers) ณ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) จ. เชียงราย และล่าสุด ได้ร่วมจัดโครงการ Stay for Santa กับโรงแรม 4 แห่งในเครือเอราวัณ กรุ๊ป ชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผู้เข้าพักระหว่างวันที่ 23 ธันวาคม 2566 ถึง 2 มกราคม 2567 เป็นระยะเวลา 10 คืน รวม 330 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ทำให้ตลอดทั้งปี 2566 กลุ่มบริษัทบางจาก และ Carbon Markets Club ได้ชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับบุคคลและงานอีเว้นท์กับพันธมิตรต่าง ๆ รวมประมาณ 3,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
บริษัทฯ มีส่วนร่วมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสภาวะวิกฤตทางสภาพภูมิอากาศและความสำคัญของสังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านกิจกรรมเผยแพร่ความรู้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการสัมมนา การรับเชิญเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้กับการประชุมสัมมนาของหน่วยงานพันธมิตรและเวทีสาธารณะ การเผยแพร่บทความผ่านเว็บไซต์ของ Carbon Markets Club รวมถึงความร่วมมือต่าง ๆ กับผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจของบริษัทฯ เช่น “เครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน” โดยบริษัท ออมสุข วิสาหกิจเพื่อสังคม ร่วมกับสหกรณ์การเกษตรติดตั้งโซลาร์เซลล์และพัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิตจากพลังงานหมุนเวียน ประมาณการติดตั้งรวม 1.7 เมกะวัตต์ “ข้าวลดโลกร้อน” ส่งเสริมสมาชิกเกษตรกรรักษ์โลกจากวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เกษตรสมัยใหม่
อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี นำข้าวลดโลกร้อนกว่า 40 ตัน มาเป็นสินค้าส่งเสริมการขายที่สถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการในช่วงวันสิ่งแวดล้อมโลกเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งที่จะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทน หนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน เป็นการเชื่อมโยงประสบการณ์ให้กับประชาชนได้รู้จักถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยทำให้พี่น้องเกษตรกรมีความภาคภูมิใจในกระบวนการผลิตที่รักษ์โลก รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อน “เกาะหมากสู่เส้นทาง Low Carbon Destination” ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้และต่อยอดกิจกรรมตามเป้าหมาย “เกาะหมากต้นแบบชุมชนท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ” (The Green Destination Top 100 of the World) ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรต่อยอดแผนงานสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1) การศึกษาปริมาณปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจการสำคัญ 2) ส่งเสริมกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกในชีวิตประจำวัน (การจัดการขยะ การใช้พลังงานสะอาด การขนส่ง ฯลฯ) 3) และการฟื้นฟู-อนุรักษ์ระบบนิเวศทางบกและทางทะเล (Green and Blue Carbon) เพื่อดูดซับคาร์บอนจากธรรมชาติ
นอกจากนี้ ยังร่วมส่งเสริมให้เกิดการลงมือปฏิบัติโดยภาคประชาชนเพื่อร่วมลดโลกร้อน ด้วยการลดขยะจากต้นทาง ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากการจัดการของเสียในชีวิตประจำวัน เพื่อขับเคลื่อน BCG Economy ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลายเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกกับลูกค้าและประชาชนในการจัดการขยะประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดจุดรับหรือจุดรวบรวมของเสียผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน เช่นโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” รับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเพื่อนำไปผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) โครงการ “ขยะกำพร้า” ร่วมกับ N15 Technology ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก โครงการฮาบิโตะ (T77) และสำนักงานและโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง โครงการ“เก็บกล่องสร้างบ้าน เพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก” กับ บริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด รวบรวมกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีเพื่อรีไซเคิล หรือการจัดทำโครงการ “รักษ์ ปัน สุข จูเนียร์” โครงการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมและการคัดแยกขยะในระดับโรงเรียนโดยมูลนิธิใบไม้ปันสุข เป็นต้น
และบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน ที่สะท้อนให้เห็นว่าทุกการเติบโตของกลุ่มบริษัทบางจากยังคงรักษาความสมดุลของมูลค่าและคุณค่า การเข้าถึงและความมั่นคงทางด้านพลังงานไปพร้อม ๆ กับการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของบริษัทฯ ในปี 2593 และการมีรากฐานที่มั่นคงที่เกิดจากการผสานประโยชน์ของธุรกิจด้วยการ synergy ระหว่างกัน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน ให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์แล้ว ยังเป็นการเสริมคุณค่าสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค ชุมชน สังคมได้ใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศและสังคมโลกในการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อร่วมรับมือกับภาวะโลกเดือดซึ่งเป็นวิกฤตเร่งด่วนในระดับโลก
แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล กำลังเร่งพัฒนาและนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและความปลอดภัยในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนมากกว่าล้านรายการต่อวัน สำหรับผู้ประกอบการในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการประมวลผลธุรกรรมข้ามพรมแดนถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสำหรับ SMEs ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการชำระเงินข้ามประเทศที่รวดเร็วและทันทีได้ การใช้…
พฤกษา โฮลดิ้ง รายงานผลประกอบการช่วง 9 เดือนปี 2567 มีรายได้รวม 15,607 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 753 ล้านบาท ยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จากการจัดการยอดหนี้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการเงินลดลง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Gearing Ratio) อยู่ที่ 0.36 เท่า ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม สะท้อนถึงการบริหารจัดการทางการเงินที่มั่นคง ท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน ธุรกิจเฮลท์แคร์เติบโต 21%ประกาศรุกตลาดที่อยู่อาศัยแบบเวลเนส…
บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) จับมือพันธมิตรแบรนด์และผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอที จัดงานแถลงข่าวมหกรรมสินค้าไอทีรอบส่งท้ายปี ในคอนเซ็ปต์ “COMMART TECHXPRO ” ชวนสัมผัส เทคโนโลยี AI PC เจนใหม่…
BizTalk x Sunny Horo กับคอลลัมน์ ดวงธุรกิจ Weekly ชวนมาอัพเดต ดวงประจำวันที่ 18 – 24 พฤศจิกายน 2567 กัน ใครเกิดตรงกับวันไหน มาดูกันเลย…
Biztalk วันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย. 67 พาไปคุยกับ คุณกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC…
เดนทิสเต้ เดินหน้าคอลแลปส์กับ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล โกลบอลสตาร์ชาวไทย จัดใหญ่สมฐานะบ้านเกิดลิซ่า กับงาน “DENTISTE' Presents LISA Fan Meetup in Asia…