บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น (กลุ่มธุรกิจด้านเคมี) บริษัทการค้าและการลงทุนชั้นนำระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น ผนึกพลังความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ด้วยการลงนามกรอบข้อตกลงความร่วมมือการจัดหาน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว และการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน นับเป็นการเดินหน้าที่สำคัญในความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างสองบริษัท ตอกย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม
ธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงนามในข้อตกลงนี้ เป็นก้าวสำคัญในความร่วมมือกันระหว่างบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น เพื่อพัฒนาการดำเนินการลดการปล่อยคาร์บอน ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) และขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานสะอาดเพี่ออนาคต การผนึกกำลังของบางจากฯ และซูมิโตโมมีเป้าหมายที่จะสร้างมูลค่าร่วมกัน ควบคู่กับการไปสู่เป้าหมายที่ท้าทายด้านความยั่งยืน
บางจากฯ ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ในประเทศไทย ได้ประกาศแผนดำเนินการผลิตเมื่อเดือนกันยายน 2565 ด้วยการก่อสร้างหน่วยผลิต SAF จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว หรือ Used Cooking Oli (UCO) ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง กรุงเทพฯ มีกำลังการผลิต 1,000,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งการริเริ่มผลิต SAF เป็นความมุ่งมั่นในด้านนวัตกรรมพลังงานสีเขียว สอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่มบริษัทบางจากในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 สะท้อนความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเทในภารกิจด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม และเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต สำหรับในโลกของเราและคนรุ่นต่อไป
บางจากฯ ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ในประเทศไทย ได้ประกาศแผนดำเนินการผลิตเมื่อเดือนกันยายน 2565 ด้วยการก่อสร้างหน่วยผลิต SAF จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง กรุงเทพฯ ด้วยกำลังการผลิตเบื้องต้น 1,000,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งการริเริ่มผลิต SAF สอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่มบริษัทบางจากในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ Fly Net Zero ของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA ความมุ่งมั่นของบางจากฯ ที่จะผลิด SAF สะท้อนความทุ่มเทในภารกิจด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม และความเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
ในช่วงต้นปี 2567 บางจากฯ ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ ก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืนแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิต SAF ได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2568 โดยหน่วยผลิต SAF ประกอบด้วย 2 หน่วยหลักคือ หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันใช้แล้ว (Pretreating Unit, PTU) และหน่วยผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel Unit, SAFU) ซึ่งทั้งสองหน่วยผลิตจะใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยจากบริษัทผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก
ใน พ.ศ. 2564 IATA ได้ประกาศพันธสัญญา “Fly Net Zero” เป็นการตั้งเป้าหมายร่วมกันของสายการบินทั่วโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2593 แสดงถึงความตั้งใจของอุตสาหกรรมการบินที่มีความเป็นเอกภาพในการปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) การบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายนี้ จำเป็นต้องมีการดำเนินการร่วมกันจากภาคส่วนต่างๆ โดยมี SAF เป็นองค์ประกอบสำคัญ โดย จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้ประมาณร้อยละ 80 เทียบกับการบินด้วยเชื้อเพลิงการบินที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน