มูบาดาลา ปิโตรเลียมแบรนด์ใหม่ รับเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน บริษัทฯ จะขยายกิจการเน้นด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติ

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 7 กันยายน 2565 บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียมซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่อาบูดาบีและเป็นบริษัทพลังงานระดับสากลเปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้เปลี่ยนแบรนด์ใหม่เป็นบริษัท มูบาดาลา เอนเนอร์ยี่

โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์ครั้งสำคัญซึ่งจะมุ่งมั่นเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนของตลาดไปสู่ภาคพลังงานคาร์บอนต่ำ เช่น ไฮโดรเจนสีฟ้า (Blue hydrogen) และการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon capture)

นายมูซาเบะห์ อัล คาบิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมูบาดาลาในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บริษัท มูบาดาลา อินเวสต์เมนต์ คอมปะนีและประธานกรรมการบริหาร บริษัท มูบาดาลา เอนเนอร์ยี่ กล่าวว่า “บริษัท มูบาดาลา เอนเนอร์ยี่ได้พัฒนาเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการหลักในธุรกิจพลังงานระดับสากล โดยการเปลี่ยนชื่อและแบรนด์ของเราในครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญทางธุรกิจ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ด้วยพอร์ตโฟลิโอที่เน้นสัดส่วนการผลิตก๊าซธรรมชาติ และเพิ่มความสำคัญไปที่ภาคพลังงานใหม่”

ชีค มอนซัวร์ มูฮัมหมัด อัล ฮาเหม็ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มูบาดาลา เอนเนอร์ยี่ กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา และวันนี้นับเป็นวันสำคัญที่เราจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานผ่านการเปลี่ยนชื่อและแบรนด์ของเรา โดยเรากำลังสร้างสถิติและเติบโตผ่านการขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และด้วยขีดความสามารถและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งของเรากับหุ้นส่วนธุรกิจทั่วโลก เราพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นบทบาทครั้งใหม่ของเรา”

ด้วยการสร้างความเปลี่ยนแปลงในปีที่สิบของการดำเนินงาน บริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องครอบคลุม 11 ประเทศทั่วโลก โดยมีพนักงานมากกว่า 500 คน โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ประกาศความสำเร็จในการบรรลุการผลิต 500,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัท และยังนับเป็นการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตถึงร้อยละ 22 จากปริมาณการผลิตเมื่อปี 2564

โดยเมื่อปี 2560 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนกลยุทธ์มาให้ความสำคัญกับก๊าซธรรมชาติซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญไปสู่การปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และอนาคตคาร์บอนต่ำ โดยกลยุทธ์นี้จะให้ความสำคัญกับโครงการสำคัญต่าง ๆ เช่น เพิ่มสัดส่วนการถือครองร้อยละ 10 ของแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติโซห์รในประเทศอียิปต์ ภายใต้สัมปทานก๊าซธรรมชาติโซรุค และเพิ่มสัดส่วนการถือครองร้อยละ 22 ของแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติทามาร์ นอกชายฝั่งประเทศอิสราเอล นอกจากนี้ยังมีโครงการก๊าซธรรมชาติที่สำคัญอื่นๆ เช่น แหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติเปกาการ์ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งสามารถเริ่มผลิตก๊าซได้เมื่อเร็ว ๆ นี้ซึ่งประสบความสำเร็จในการผลิตก๊าซธรรมชาติ 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว 16,000 บาร์เรลต่อวัน

บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อทุกชุมชนที่เราดำเนินการอยู่ ในฐานะพันธมิตรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมในระยะยาว ซึ่งหมายรวมถึง:

  • การจัดการผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นในโครงการ Dolphin Energy ซึ่งเป็นสินทรัพย์สำคัญสำหรับพอร์ตโฟลิโอของบริษัท มูบาดาลา อินเวสต์เมนต์ คอมปะนี (มูบาดาลา)
  • ธุรกิจที่ดำเนินการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หมายรวมถึงแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติรูบี้ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเพิ่งประสบความสำเร็จในการผลิตก๊าซธรรมชาติสะสมกว่า 250,000 ล้านลูกบาศก์ฟุต แหล่งผลิตปิโตรเลียมจัสมินในประเทศไทย ซึ่งมีการผลิตน้ำมันสะสมมากกว่า 85 ล้านบาร์เรล แหล่งผลิตปิโตรเลียมนงเยาว์และมโนราห์ ซึ่งมีการผลิตน้ำมันสะสมรวมมากกว่า 20 ล้านบาร์เรล
  • การขยายสัดส่วนการลงทุนในกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องทุกปี ทั้งในด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม การพัฒนาชุมชน รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน ในปี 2564 ที่ผ่านมาได้บรรลุเป้าหมาย ให้มีผู้ได้รับผลประโยชน์จำนวนมากกว่า 142,000 คนจากโครงการต่าง ๆ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 63 จากปี 2563 และในช่วงของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทั่วโลก บริษัท มูบาดาลา เอนเนอร์ยี่ ได้ยืนหยัดเคียงข้างสังคมด้วยการสนับสนุนทั้งภาครัฐและบุคลากรด่านหน้าผ่านหลากหลายมาตรการและการบริจาคต่าง ๆ
  • เปิดตัวรายงานความยั่งยืนในปี 2563 และกำหนดกรอบความยั่งยืนที่ชัดเจนของปี 2564 ที่ผ่านมา
  • บรรลุเป้าหมายประสิทธิภาพด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม ในระดับสูงสุด
  • นำกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพื่อปรับใช้นวัตกรรมและความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี ให้เป็นหัวใจหลักของการดำเนินงาน
  • ส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้วยการจ้างบุคลากรท้องถิ่นที่เป็นชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ร้อยละ 61 ที่อาบูดาบี และบุคลากรท้องถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร้อยละ 96 อีกด้วย
Scroll to Top