นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับเชิญเป็นวิทยากรเสวนาในงาน Thailand Focus 2024 ครั้งที่ 18 ภายใต้แนวคิด “Adapting to a Changing World” ในหัวข้อ Climate Action in Thailand: Business Opportunities and Challenges under New Policies ร่วมกับ นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นายยาโชวาดัน โลเฮีย กรรมการบริหาร กรรมการด้านความยั่งยืนและการบริหารความเสี่ยง บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) บล. เกียรตินาคินภัทร Bank of America Securities บล.ทิสโก้ และ Jefferies เพื่อนำเสนอความพร้อม ศักยภาพของภาคเอกชน โอกาสการลงทุนและทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ณ โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก
นายชัยวัฒน์ได้กล่าวถึงการปรับตัวของธุรกิจในการตอบสนองต่อกฎระเบียบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยย้ำถึงความสำคัญของการเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับกฎระเบียบด้านสภาพภูมิอากาศใหม่ ๆ โดยมีการจัดทำบัญชีคาร์บอนเพื่อวัดและบันทึกการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) และการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP) เพื่อให้สามารถกำหนดแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบางจากฯ ได้มีการจัดทำบัญชีคาร์บอนตั้งแต่ปี 2554 ช่วยให้สามารถวางแผนลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างเป็นระบบ
สำหรับแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน นายชัยวัฒน์ได้เอ่ยถึงการเชื่อมโยงด้านพลังงานที่กำลังมีบทบาทเพิ่มขึ้นทั่วโลก เช่น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเขตปกครองตนเองซินเจียงของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ส่งพลังงานไปยังพื้นที่ตอนกลางของประเทศ หรือโครงการ Australia-Asia PowerLink ของประเทศออสเตรเลีย เพื่อส่งพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังประเทศสิงคโปร์ และประเทศชิลีซึ่งกำลังพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียวที่มีต้นทุนต่ำที่สุดในโลก คาดว่าจะเป็นผู้ส่งออกที่สำคัญในอนาคต อย่างไรก็ดี ในขณะที่พลังงานหมุนเวียนจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เชื้อเพลิงเหลว อาทิ เชื้อเพลิงชีวภาพ เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) และ e-fuels ยังจะเป็นพลังงานที่สำคัญที่ทำหน้าที่สะพานเชื่อมความมั่นคง
ด้านพลังงาน เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้และขนส่งได้ง่าย โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียนจำกัด
บางจากฯ ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมรับผลกระทบจากนโยบายสภาพภูมิอากาศที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปีค.ศ. 2050 ผ่านแผนงานต่าง ๆ รวมถึงการลงทุนในพลังงานทางเลือกเพื่อโลกยั่งยืน เช่น SAF ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มีวิกฤตภาวะภูมิอากาศเป็นข้อบังคับ ซึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่ต้องมีการรักษาสมดุลระหว่างการลงทุนและผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ ในงาน Thailand Focus 2024 นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน และทีมนักลงทุนสัมพันธ์ของบางจากฯ ยังได้
ร่วมพบปะและนำเสนอข้อมูลธุรกิจและพัฒนาการสำคัญของบางจากฯ แก่นักลงทุนด้วย
AIS และ True Corporation สองผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ ได้ประกาศความพร้อมในการเปิดใช้งานระบบแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast และ SMS ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมปฏิบัติการทันทีเมื่อหน่วยงานภาครัฐสั่งการ AIS: ระบบ Cell…
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ จับมือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ 5 องค์กรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU)…
“เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เปิดเวที CEO Forum ชูแนวทาง Industrial Decarbonization ภายใต้โครงการ Low Carbon City หนุนผู้ประกอบการไทยลดคาร์บอน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมประกาศเจตนารมณ์ร่วมลดก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน…
ท็อปส์ (Tops) ประกาศศักดาผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ปี 2568 ทุ่มงบไม่อั้น พัฒนาพอร์ตสินค้า Own Brand ทะลุ 5,000 รายการ ชูจุดแข็งด้านคุณภาพระดับพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงได้…
ตามที่ เกิดเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา โดยแรงสั่นสะเทือนได้ส่งผลกระทบมาถึงกรุงเทพมหานคร ทำให้รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) ต้องงดให้บริการชั่วคราว เพื่อแก้ไขรางจ่ายไฟเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถ นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเกิดความเสียหายที่แผ่นปิดรอยต่อคานทางวิ่ง จำเป็นต้องซ่อมแซม ซึ่ง กระทรวงคมนาคม, กรมการขนส่งทางราง…
ไปรษณีย์ไทย ได้เปิดตัวแสตมป์ที่ระลึกชุดพิเศษเนื่องในโอกาสวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช 2568 ด้วยการนำเสนอศิลปกรรมอันทรงคุณค่าที่กำลังจะเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นั่นก็คือ "กระจกเกรียบ" ศิลปะแห่งสยามประเทศที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์แต่กลับหาชมได้ยากยิ่งในปัจจุบัน โดยมีกำหนดการเปิดจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พุทธศักราช 2568 เป็นต้นไป ในราคาดวงละ…
This website uses cookies.