รัฐบาลจับมือเอกชน ผุดโครงการนำร่อง “ภาษีคาร์บอน” ปูทางสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

รัฐบาลจับมือเอกชน ผุดโครงการนำร่อง “ภาษีคาร์บอน” ปูทางสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

กรมสรรพสามิตผนึกกำลังจุฬาฯ ปตท. และบางจากฯ เดินหน้าโครงการส่งเสริมความเข้าใจภาษีคาร์บอน พร้อมกระตุ้นการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนผ่านสถานีบริการน้ำมัน

กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต ร่วมกับ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในโครงการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนและพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ณ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station และสถานีบริการน้ำมันบางจาก ถนนวิภาวดีรังสิต

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ว่า “รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง โดยได้ผลักดันกลไกราคาคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory Carbon Pricing) ผ่านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยมีการกำหนดราคาคาร์บอนเริ่มต้นที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า”

กลไกดังกล่าวจะสะท้อนต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมในการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละประเภท ผ่านการคำนวณจากค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factor) ซึ่งเป็นค่าที่คำนวณได้ทางวิทยาศาสตร์ คูณกับราคาคาร์บอนที่ภาครัฐกำหนด

“การดำเนินการนี้ นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ เกี่ยวกับผลกระทบของการใช้พลังงานต่อสิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” ดร.เผ่าภูมิ กล่าวเสริม

ความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา

โครงการนำร่องนี้ได้รับความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะเข้ามามีบทบาทในการศึกษา วิเคราะห์ และประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประกอบการกำหนดนโยบายในอนาคต

ในส่วนของ PTTOR และบางจากฯ จะเป็นแกนนำในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีคาร์บอนให้กับผู้บริโภค โดย PTTOR จะแสดงข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง ผ่านหน้าจอ ณ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station

ขณะที่บางจากฯ จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวผ่าน Bangchak Mobile Application พร้อมทั้งจัดทำแคมเปญ “ต้นไม้ของคุณ” เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นภาพการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม โดยเปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้ ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงพฤติกรรมการใช้พลังงานกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บางจากฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยเราจะมุ่งเน้นการสื่อสารไปยังกลุ่มสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมลส์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แคมเปญ ‘ต้นไม้ของคุณ’ จะช่วยให้สมาชิกเห็นผลลัพธ์จากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของเรา ที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจน”

กลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เสริมว่า “นอกจากนี้ Carbon Markets Club ของบางจากฯ จะร่วมสื่อสารสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีคาร์บอนและโครงการนี้ ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อขยายผลการรับรู้ไปสู่ประชาชนในวงกว้างยิ่งขึ้น”

ก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนแปลง

โครงการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้พลังงานของคนไทย โดยจะเริ่มดำเนินการสื่อสารตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568

ทั้งนี้ คณะทำงานจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างประมาณ 3,500 ราย ภายในระยะเวลา 3 เดือน เพื่อนำมาวิเคราะห์และประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานของประเทศในอนาคต

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในครั้งนี้ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ และนำพาประเทศไทยไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป

BPP เดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิต 1,500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2030

Related Posts

Scroll to Top