Finance

กสิกรฯ คาด กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.50-0.75% มาที่ 1.00-1.25% ภายในช่วงสิ้นปีนี้ ก่อนที่ยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีกในช่วงต้นปี 2566

สำหรับธนาคารพาณิชย์นั้น สถานการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เต็มที่และไม่ทั่วถึง ผนวกกับยังมีลูกหนี้ที่เคยขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน และยังอยู่ระหว่างการปรับตัวในช่วงของการเปลี่ยนผ่านนี้อีกจำนวนมากนั้น คงทำให้เผชิญแรงกดดันต่อการเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ออกไป ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินผลกระทบเบื้องต้นต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin: NIM) ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย ดังนี้

• สมการการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีผลกระทบโดยตรงต่อแนวโน้มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระบบธนาคารไทย โดยเฉพาะในปี 2566 ทั้งนี้ ในภาวะปกติ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและเงินให้กู้ยืมพร้อมๆกัน จะส่งผลบวกต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากสัดส่วนสินเชื่อประมาณ 55-70% ของสินเชื่อรวมทั้งหมดจะอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (ขึ้นกับโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง) จึงทำให้ได้รับประโยชน์ทันทีในไตรมาสที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐาน

อย่างเช่น MOR, MLR และ MRR ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำในปัจจุบัน มีสัดส่วนประมาณ 25% ของเงินฝากทั้งหมด โดยธนาคารพาณิชย์จะทยอยรับรู้ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหลังเงินฝากประจำล็อตเดิมครบกำหนด นั่นคือ อีก 3, 6, 12 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ในสภาวะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูงดังเช่นปัจจุบัน ทำให้คาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำก่อน หรือภายหลังจากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่นาน ขณะที่การปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานข้างต้น มีโอกาสเลื่อนออกไป เพื่อช่วยเหลือลูกค้า แม้ว่าในทางปฏิบัติ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างฐานลูกค้า สภาพคล่อง และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แตกต่างกันก็ตาม

• ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานเลื่อนออกไป 3-6 เดือน ผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะปรากฏชัดเจนในปี 2566 เนื่องจากต้องทยอยรับรู้ต้นทุนเงินฝากประจำที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในช่วงไตรมาส 3-4 ของปี 2565 ทั้งนี้ หากเทียบกับกรณีที่กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและเงินกู้ปรับขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายในภาวะปกติแล้ว จะพบว่า การเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานออกไป 3-6 เดือน จะส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ประมาณ 0.04-0.06% และกระทบปี 2566 ประมาณ 0.08-0.18% ตามลำดับ

ขณะที่ หากระบบธนาคารพาณิชย์มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ แม้จะด้วยการปรับขึ้นในขนาดไม่มากนัก (สมมติให้ปรับขึ้น 0.125% ในช่วงที่เหลือของปี 2565) แต่ผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นมาที่ประมาณ 0.05-0.07% ในปี 2565 และ 0.15-0.25% ในปี 2566 ทำให้สุดท้ายแล้ว แนวโน้มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในกรณีนี้ แทบจะไม่แตกต่างไปจากที่เห็นในปี 2564 ที่ 2.54% และต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิดที่ 2.78% อย่างมีนัยสำคัญ

ประมาณการผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ในกรณีต่างๆ

ปี 2564 ปี 2565f ปี 2566f

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในกรณีปกติ
ที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้สอดคล้องกับการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.54% 2.64% 2.80%

กรณีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ล่าช้าออกไป 3 เดือน (ผลกระทบต่อ NIM เทียบกับกรณีปกติ) -0.04% -0.08%

กรณีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ล่าช้าออกไป 6 เดือน (ผลกระทบต่อ NIM เทียบกับกรณีปกติ) -0.06% -0.18%

สมมติฐานสำคัญ:

  1. กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565 และอีก 2 ครั้งในปี 2566
  2. อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำขึ้นตามทันทีในขนาดเท่ากับ กนง. โดยที่ยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์
  3. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานขึ้นตามในขนาดเท่ากับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง. แต่เลื่อนการปรับขึ้นออกไปอีก 3-6 เดือน
  4. กำหนดให้ปัจจัยอื่นๆ คงที่ อาทิ อัตราการเติบโตของสินเชื่อและเงินฝาก

• ความกังวลเพิ่มเติมจะอยู่ที่คุณภาพสินทรัพย์ เนื่องจากการเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในปี 2565 จะไปเพิ่มแรงกดดันการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเป็นจังหวะที่อัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จะต้องถูกปรับขึ้นอีก 0.23% กลับสู่ระดับปกติที่ 0.46% ทำให้อาจเห็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศดูเสมือนว่าจะปรับขึ้นแรงกว่าที่ควรจะเป็น และอาจกระทบต่อธุรกิจและครัวเรือนที่ยังไม่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวหรือเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน การยืนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ท่ามกลางภาวะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินอื่นๆ ปรับขึ้นแล้ว อาจสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ทั้งที่มีความเสี่ยงปกติและความเสี่ยงสูงเข้ามากู้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มเติม ซึ่งหากมีส่วนผสมจากลูกหนี้กลุ่มหลังมากขึ้น ก็อาจส่งผลต่อคุณภาพพอร์ตสินเชื่อในภาพรวมได้

นอกจากนี้ ในเดือนเมษายน 2566 จะเป็นจังหวะที่ธุรกิจที่เข้าโครงการสินเชื่อฟื้นฟูจะเริ่มทยอยถูกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากเดิมที่จ่ายดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ต่อปีในช่วง 2 ปีแรกของสัญญา (แม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐาน เพราะเป็นลูกค้าที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของโครงการสินเชื่อฟื้นฟู) ขณะที่ มาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินอย่างเช่น โครงการพักทรัพย์พักหนี้ก็จะสิ้นสุดกำหนดการรับเรื่องขอเข้าร่วมโครงการเช่นกัน

โดยสรุป ด้วยเงื่อนไขเศรษฐกิจที่การฟื้นตัวยังมีความเปราะบาง เช่นเดียวกับสถานะทางการเงินของลูกหนี้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไทยอยู่ภายใต้แรงกดดันมากขึ้นในการช่วยเหลือลูกค้าผ่านการเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ออกไปนั้น คงทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยได้รับผลกระทบอย่างยากจะหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะในปี 2566 ขณะที่แรงกดดันต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นในปีหน้า จากทั้งส่วนที่เลื่อนการขึ้นออกไป และผลกระทบจากการปรับเพิ่มอัตราเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูฯ อาจทำให้เห็นภาพการปรับขึ้นของต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งทำให้ยังต้องติดตามผลกระทบต่อคุณภาพหนี้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันภาครัฐอาจต้องเตรียมมาตรการดูแลลูกหนี้กลุ่มเปราะบางเพิ่มเติมหากพบสัญญาณลบชัดเจนขึ้นด้วย

BizTalk NEWS

Recent Posts

AIS ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐ เดินหน้าจัดระเบียบสายสื่อสาร ถนนวิทยุ สร้างมหานครสวยงาม ปลอดภัย

AIS จับมือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), กสทช., กรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมทีมวิศวกรเข้าดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าและนำลงใต้ดิน บริเวณถนนวิทยุ ตั้งแต่แยกวิทยุ ถึงแยกเพลินจิต ทั้งสองฝั่ง ตลอดแนวถนน การดำเนินงานในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของประชาชนและการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ…

20 minutes ago

“Trumpism 2.0” กระแทกโลก! สกสว. ชี้ไทยต้องเร่งเครื่อง BCG Economy ดันนวัตกรรมรับมือ ตั้งเป้าปั้นไทยเป็นฮับเทคโนโลยีอาเซียน ดึงต่างชาติร่วมลงทุน

ในยุคที่ "Trumpism" กำลังเขย่าวงการโลกอีกครั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้จัดเวทีเสวนา “Trump 2.0 วิกฤตหรือโอกาสของระบบ ววน. ไทย” เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบาย "America…

26 minutes ago

องค์กร 61% กังวลความปลอดภัยคลาวด์ ฟอร์ติเน็ตแนะใช้แพลตฟอร์มรวมศูนย์-เสริมทักษะรับมือภัยคุกคามยุคใหม่

ฟอร์ติเน็ต เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดจากรายงานสถานะความปลอดภัยระบบคลาวด์ประจำปี 2568 (2025 State of Cloud Security Report) ซึ่งจัดทำโดย Cybersecurity Insiders ชี้ให้เห็นว่า องค์กรส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการปกป้องข้อมูล…

30 minutes ago

เปิดเทรนด์ “Conscious Travel” สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ยุคสมัยที่โรงแรมเป็นเพียง "ที่นอน" ได้ลาจากไปแล้ว! นักท่องเที่ยวไทยยุคใหม่กำลังมองหาประสบการณ์ที่มากกว่าการพักผ่อน พวกเขาต้องการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น และใส่ใจความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เทรนด์ "Conscious Travel" หรือการเดินทางอย่างมีสติกำลังมาแรง สะท้อนผ่านพฤติกรรมการพักผ่อนที่ยาวนานขึ้นในโรงแรม พร้อมแสวงหาประสบการณ์สุดพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล เจาะลึกเทรนด์นักท่องเที่ยว จากรายงาน Changing…

40 minutes ago

ไชน่า ยูนิคอม ผนึกกำลัง หัวเว่ย เร่งเครื่อง 5G-Advanced ทั่วเอเชีย

ไชน่า ยูนิคอม ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการพัฒนาเครือข่าย 5G ไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวแผนปฏิบัติการ 5G-Advanced อย่างเป็นทางการ ในงานแถลงข่าว "Powering the Asian Winter Games with…

52 minutes ago

“Super AI Engineer Season 5” เปิดตัวยิ่งใหญ่ ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน-ประชาสังคม ปั้นบุคลากร AI เสริมแกร่งขีดความสามารถแข่งขันประเทศไทย

ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โครงการ Super AI Engineer Season 5 ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันพัฒนาบุคลากรด้าน AI ของไทยให้มีทักษะและความสามารถที่ทัดเทียมนานาชาติ…

1 hour ago