ชวนมนุษย์เงินเดือนเช็กให้ชัวร์เรื่อง “ภาษี” เงินเดือนเท่านี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่

ชวนมนุษย์เงินเดือนเช็กให้ชัวร์เรื่อง “ภาษี” เงินเดือนเท่านี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่

การเสียภาษี เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่มีรายได้ แต่จะเสียมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับฐานรายได้ หากใครอยากประหยัดภาษีมากขึ้น ต้องรู้จักวางแผนเรื่องภาษี เพราะภาครัฐมีการให้สิทธิประโยชน์กับผู้มีเงินได้ทุกคนในการลดหย่อนภาษี ซึ่งในแต่ละปีอาจเปลี่ยนแปลงไป เราจึงต้องหมั่นอัปเดตสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้วางแผนประหยัดภาษีอย่างถูกต้องเหมาะสม และก่อนจะสิ้นปีนี้ fintips by ttb อยากชวนมนุษย์เงินเดือนมาเช็กกันอีกทีว่า ปีนี้เรามีรายได้ หรือเงินเดือนเท่านี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่!

เริ่มต้นด้วยมารู้จักวิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากันดังนี้

  1. คำนวณหาเงินได้สุทธิ

อย่างแรกเราต้องคำนวณหาเงินได้สุทธิเพื่อนำมาใช้ในการคำนวณภาษีก่อน โดยการนำเงินได้ทั้งปี 2566 มารวมกัน แล้วหักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ตามสูตร

เงินได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ

ซึ่งเราสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนค่าลดหย่อน จะมีอยู่หลายรายการที่นำมาลดหย่อนได้ แต่ที่นำมาลดหย่อนได้ทันทีเลย ก็คือ ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และค่าประกันสังคมตามที่จ่ายจริง สูงสุด 9,000 บาท

  1. คำนวณภาษีที่ต้องจ่ายแบบขั้นบันได

ต่อมาให้นำเงินได้สุทธิมาเทียบกับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได โดยนำเงินได้สุทธิคูณกับอัตราภาษีแต่ละขั้น เพื่อหาว่าเราต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ ตามสูตร

ภาษี = [(เงินได้สุทธิ – เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้า) x อัตราภาษี ]+ ภาษีสะสมสูงสุดของขั้นก่อนหน้า

ตัวอย่าง นายทีมีรายได้ทั้งปี 500,000 บาท ไม่มีตัวช่วยลดหย่อนเพิ่มเติมเลย สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 100,000 บาท ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และค่าลดหย่อนจากประกันสังคม 9,000 บาท จะได้เงินได้สุทธิ 500,000 – 100,000 – 60,000 – 9,000 เท่ากับ 331,000 บาท จากนั้นนำเงินได้สุทธิไปเทียบอัตราภาษีแบบขั้นบันได ซึ่งจะอยู่ระหว่างฐาน 300,001 – 500,000 บาท อัตราภาษี 10% ซึ่งทำให้นายทีต้องเสียภาษี (331,000 – 300,000) x 10% + 7,500 เท่ากับ 10,600 บาท

จะเห็นได้ว่า นายทีมีรายได้ทั้งปีสูงถึง 500,000 บาท แต่ถ้าไม่มีตัวช่วยลดหย่อนอื่น ๆ เพิ่มเติมเลย จะทำให้นายทีต้องชำระภาษีถึง 10,600 บาท

จากตัวอย่างข้างต้น มนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือน 30,000 บาท 50,000 บาท และ 100,000บาท หากไม่มีตัวช่วยลดหย่อนเพิ่มเติม จะทำให้เสียภาษี 2,050 บาท 20,600 บาท และ 122,750 บาท ตามลำดับ แต่ถ้าต้องการเซฟเงินในกระเป๋าให้มากขึ้น วันนี้ ttb มีเคล็ดลับดี ๆ ที่เรียกได้ว่า “ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว” มาแนะนำ เพราะนอกจากจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีปี2566 ที่ช่วยให้ประหยัดภาษีขึ้นแล้ว ยังสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี อย่างการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีจาก ทีทีบี ซึ่งมีให้เลือกทั้งกองทุนรวม SSF และ RMF อีกด้วย

SSF (Super Savings Fund) คือ กองทุนรวมเพื่อการออม สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้

  • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ
  • ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อและไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี

RMF (Retirement Mutual Fund) คือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้

  • ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ แต่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี หรืออย่างน้อยปีเว้นปี
  • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก โดยนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุน คือ ปีใดไม่ลงทุนจะไม่นับว่ามีการลงทุนในปีนั้น
  • ขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เมื่อรวมกับ กบข., กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

โดยทีทีบีมีตัวช่วยลดหย่อนภาษี ที่ลงทุนง่าย สบายใจอย่าง ttb smart port SSF มาแนะนำ ซึ่งมีให้เลือกลงทุนตามเป้าหมายและตามความเสี่ยงที่แต่ละคนรับได้ และหากใครยังเลือกไม่ได้ เราคัดกองทุนลดหย่อนภาษีเด่น สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีมาให้แล้ว ทั้ง SSF RMF กับกองเด่นลดหย่อนภาษี ปี 2566

นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันกองทุนลดหย่อนภาษีปี 2566 มาฝาก โดยเมื่อซื้อหรือสับเปลี่ยนเข้ากองทุน RMF/ SSF ของ บลจ. 5 แห่ง ที่เข้าร่วมโปรโมชัน หรือโอนกองทุน LTF จาก บลจ. อื่นเข้ากองทุน LTF ของ บลจ. 4 แห่ง ที่เข้าร่วมโปรโมชัน (ยกเว้น ONEAM) ทุก ๆ 50,000บาท ของการลงทุนในแต่ละ บลจ. จะได้รับเงินลงทุนเพิ่มในกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market) จำนวน 100 บาท (ตาม บลจ. ที่ได้ลงทุน) ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 29 ธันวาคม 2566 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก! https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/rmf-ssf-2023-pr-dec

ช่วงใกล้สิ้นปีไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน แต่เรื่องภาษีมีความสำคัญ ดังนั้น มนุษย์เงินเดือนต้องไม่พลาด เช็กให้ชัวร์ว่าปีนี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ และหากใครอยากประหยัดภาษี สามารถทำได้ด้วยการวางแผนภาษี ซึ่งหากวางแผนดี ๆ รับรองช่วยเซฟภาษี ทำให้มีเงินเหลือเก็บเพิ่มขึ้นได้ด้วย

ธนาคารกรุงเทพ จัดเต็มส่งท้ายปี เร่งดันหลากผลิตภัณฑ์ทางการเงิน การลงทุน โกยยอดลดหย่อนภาษีโค้งสุดท้ายของปี

Scroll to Top