เวทีเสวนาของคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามชั้นนำระดับนานาชาติ Aesthetic Council for Ethical use of Neurotoxin Delivery (ASCEND) เผยบทความฉันทามติ (เอกสารวิชาการจากการวิจัยที่ได้รับการเห็นพ้องจากคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านตวามงามชั้นระระดับนานาชาติ ASCEND) ในงานประชุม IMCAS Asia 2022 ว่าด้วยหัวข้อ “อุบัติการณ์การดื้อต่อโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ของคนไข้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้อเสนอแนะเพื่อลดความเสี่ยง” (“Emerging trends in botulinum neurotoxin A resistance: An international multidisciplinary review and consensus An international multidisciplinary review and consensus”) ซึ่งเรียกร้องให้เกิดการตระหนักรู้และเพิ่มการรณรงค์ในหมู่ผู้ปฏิบัติงานด้านความงาม เกี่ยวกับความเป็นได้ของความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะดื้อต่อ Botulinum Toxin A อย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ ค.ศ. 1999 การฉีด Botulinum Toxin A (“BoNT-A”) เป็นวิธีการเสริมความงามที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดในโลก[1] และยังเป็นตัวเลือกในการรักษาลำดับต้น ๆ สำหรับโรคหลายอย่าง เช่น คอบิดเกร็งและภาวะกล้ามเนื้อแขนขาหดเกร็ง เป็นต้น การใช้ BoNT-A เพื่อเสริมความงามทั่วโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดความนิยมของคนไข้จำนวนมากและมีการนำสารชนิดนี้ไปใช้เพื่อประโยชน์ที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก คาดว่าจะมีการใช้เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเทรนด์ของการใช้ BoNT-A เพื่อเสริมความงามกำลังมาแรงในหมู่คนไข้ที่อายุยังน้อย รวมทั้ง ปัจจัยรายได้เพิ่มก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไข้มีแนวโน้มการเข้ารับบริการในคลินิกเสริมความงามสูงขึ้น
ทั้งนี้ ผลที่ได้จากการใช้ BoNT-A จะอยู่เพียงชั่วคราวและสลายไปตามกาลเวลา ส่งผลให้ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม การได้รับ BoNT-A ซึ่งมีส่วนประกอบเป็นโครงสร้างโปรตีนของเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ได้มีในร่างกายมนุษย์ จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างแอนติบอดี (หรือ ภูมิคุ้มกัน) ซึ่งหมายความรวมถึง neutralizing antibodies (NAbs) ซึ่งทำปฏิกิริยาต่อต้านกับการออกฤทธิ์ทางชีววิทยา ผลคือ ร่างกายเกิดภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้าน หรือ secondary nonresponse (SNR) ที่เกิดจาก (NAbs) หมายถึงการที่ผลลัพธ์จากการรักษาลดลงหรือไม่เกิดขึ้นเลย หลังจากการรักษาครั้งที่สองเป็นต้นไป ซึ่งแตกต่างจากผลลัพธ์ที่ได้ตามต้องการในการรักษาครั้งแรก
–เผยเด็ก 6 เดือน -12 ปี มีภาวะทุพโภชนาการ น้ำหนักเกิน กิจกรรมกลางแจ้งลด
จากงานวิจัยผู้บริโภค ซึ่งจัดทำโดย Merz Aesthetics® ร่วมกับ Frost & Sullivan ในปี พ.ศ. 2561 และ พ.ศ. 2564 ตามลำดับ พบว่ามีคนจำนวนเพิ่มมากขึ้นตอบว่าประสิทธิผลของการรักษาด้วย BoNT-A ลดลง (ร้อยละ 69% ในปี พ.ศ. 2561 เทียบกับ ร้อยละ 79% ในปี พ.ศ. 2564) ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่จะแก้ไขปัญหาโดยการไปฉีดซ้ำบ่อยขึ้นและในปริมาณที่มากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ บทความฉันทามติ“อุบัติการณ์การดื้อต่อโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ของคนไข้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้อเสนอแนะเพื่อลดความเสี่ยง” จึงจัดทำขึ้นเพื่อสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อภาวะดื้อต่อ BoNT-A อย่างต่อเนื่อง และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดี รวมถึงให้ข้อพิจารณาบูรณาการด้านการแพทย์ ด้านจริยธรรม และด้านความงาม เพื่อการประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยงที่จะเกิด SNR จาก NAb เนื่องจากการรักษาด้วย BoNT-A มักเป็นการรักษาตลอดชีวิต กลุ่มผู้เขียนจึงเห็นว่าการใช้ BoNT-A ที่กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในระดับต่ำ จะเป็นวิธีการลดความเสี่ยงที่ร่างกายจะเกิดภาวะดื้อต่อ BoNT-A
ดร.วิลสัน โฮ แพทย์ศัลยกรรมพลาสติก ผู้อำนวยการ The Specialists: Lasers, Aesthetic & Plastic Surgery ประเทศฮ่องกง หนึ่งในผู้เขียนบทความฉันทามติ ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นภูมิคุ้มกันว่า “การเกิดภูมิคุ้มกันที่ต่อต้าน BoNT-A เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการประสาทวิทยา โดยเคสที่ได้รับการรายงานส่วนใหญ่ก่อนหน้านี้จะเกี่ยวข้องกับการรักษาทางระบบประสาท ซึ่งมีการใช้ขนาดยาที่สูงกว่าที่ใช้เพื่อการเสริมความงามอย่างมาก อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปัจจุบันในการใช้เพื่อเสริมความงามแสดงให้เห็นว่าการใช้ BoNT-A เพื่อเสริมความงามขยายอย่างรวดเร็วไปสู่การใช้ลดขนาดกล้ามเนื้อกราม และไม่นานมานี้ มีการนำไปใช้กับส่วนอื่น ๆ ของร่างกายด้วย ดังนั้น ขนาดยาทั้งหมดที่ใช้ในกระบวนการเสริมความงามอาจสูงเท่ากับที่ใช้ในการรักษาทางการแพทย์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเสริมความงามยึดถือกันมา ฉะนั้น ความเสี่ยงที่คนไข้จะสร้างภูมิคุ้มกันที่ต่อต้าน BoNT-A ก็จะเพิ่มมากขึ้น”
ในขณะที่ยังไม่มีการวิจัยหรือการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ SNR ที่เกิดจากแอนติบอดีในการเสริมความงาม เวทีเสวนาของคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามชั้นนำระดับนานาชาติเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่กรณีนี้ได้รับการรายงานต่ำกว่าความเป็นจริงในเอกสารวิชาการทางการแพทย์ ในโอกาสเผยบทความฉันทามตินี้ ดร. โฮ กล่าวว่า “เรากำลังเรียกร้องให้แพทย์และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ร่วมมีบทบาทอย่างแข็งขันในการลดปัจจัยความเสี่ยงต่อภาวะดื้อต่อ BoNT-A โดยขอให้พิจารณาประวัติการรักษาของคนไข้ รวมถึงการใช้ BoNT-A ในการรักษาข้อบ่งใช้ที่หลากหลาย โดยแนวทางต่าง ๆ อย่างละเอียด และชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบทางเลือกการเลือกรักษา ตลอดทั้งประวัติการรักษาของคนไข้ จากมุมมองทางการแพทย์ การใช้สูตร BoNT-A ในขนาดที่ต่ำที่สุดเท่าที่ทำให้เกิดผล จะต้องเว้นระยะเวลาการใช้ให้เหมาะสม จึงจะช่วยจำกัดการสร้างภูมิคุ้มกันที่ต่อต้านได้ดี”
ข้อเสนอแนะสำคัญอีกประการหนึ่งจากเอกสารฉบับนี้ คือความสำคัญของการสร้างการตระหนักรู้ในหมู่ผู้บริโภคเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะดื้อต่อ BoNT-A ซึ่งเป็นการเรียกร้องให้มีแนวปฏิบัติที่เป็นการร่วมมือกันและยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง การประเมินรายบุคคล และการอธิบายอย่างครอบคลุมกับคนไข้ตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับการรักษาด้วย BoNT-A และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงเกิดภาวะดื้อต่อ BoNT-A และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการใช้เพื่อการรักษาทางการแพทย์ในอนาคต ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอาจมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้คนไข้เข้าใจถึงผลกระทบของการรักษาต่อภาพรวมของสุขภาพในระยะยาว นอกเหนือจากผลลัพธ์ของการรักษาเพียงอย่างเดียว
บทความฉันทามติฉบับนี้เป็นบทความลำดับที่ 3 ซึ่งได้รับการสนันสนุนจาก Merz Aesthetics® ที่กล่าวถึงหัวข้อเรื่องการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ที่ได้รับการตีพิมพ์ในรอบ 5 ปี ขณะที่บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ 2 ฉบับแรกมุ่งเน้นประสบการณ์ของผู้บริโภคที่พบว่าการรักษาด้วย BoNT-A มีประสิทธิผลลดลง บทความฉันทามติฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่แสดงถึงข้อเห็นพ้องในวงการนี้ทั้งในระดับระหว่างประเทศและจากแพทย์ความงามจากหลากหลายสาขา (ดูตารางภาคผนวก ก เกี่ยวกับรายละเอียดของฉันทามติ)
ดร.ซาแมนตา เคอร์ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ ของ Merz Aesthetics® กล่าวว่า “เราไม่เพียงแต่มีความรับผิดชอบต่อลูกค้าของเราเท่านั้น แต่ต่อคนไข้ของพวกเขาด้วย นี่จึงหมายความว่า เราจะต้องแน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของเราได้รับมาตรฐานสูงสุดทั้งในแง่ความปลอดภัยและประสิทธิผล และจะทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์และสาธารณสุขสามารถแนะนำคนไข้ให้ตัดสินใจได้ถูกต้องสำหรับร่างกายและจิตใจของตนเอง”
ลอเรนซ์ เซียว ประธาน (APAC) ของ Merz Aesthetics® เสริมว่า เป้าหมายของเราในการจัดทำงานวิจัยผู้บริโภค อาทิ “ประสบการณ์การดื้อต่อโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก” (“Consumer Experience with Botulinum Toxin Resistance in Asia Pacific”) และบทความฉันทามติของ ASCEND เป็นการสร้างความเข้าใจและเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับภาวะการดื้อต่อ BoNT-A เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเวชศาสตร์ความงามด้วยองค์ความรู้ทางการแพทย์ และเพื่อทำให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้นว่าคนไข้จะได้รับความปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว เรามุ่งเน้นการขับเคลื่อนการตระหนักรู้เกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้มาโดยตลอด ดังนั้นผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาในอนาคตร่วมกับแพทย์อย่างสมเหตุสมผล”
โค้ก โดยกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย สร้างความฮือฮาให้กับตลาดเครื่องดื่มอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว "โค้ก" ซีโร่ กลิ่นวานิลลา ความอร่อยใหม่ที่ผสานความซ่าส์อันเป็นเอกลักษณ์ของ "โค้ก" เข้ากับความหอมหวานละมุนละไมของวานิลลาได้อย่างลงตัว ที่สำคัญคือมาในสูตรไม่มีน้ำตาล ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen…
บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น (Epson) ประกาศแต่งตั้ง โยชิดะ จุนคิชิ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและตัวแทนผู้อำนวยการ (President and Representative Director) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ (Chief…
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดย กองสิ่งแวดล้อม ฝ่ายพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง ช่วงเวลากลางคืน การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ โดยเริ่มตั้งแต่จุดก่อสร้าง Cut…
LINE MAN ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Lotus’s และ Lotus’s go fresh ขยายฐานบริการ LINE MAN MART ให้ครอบคลุมกว่า 1,400 สาขาทั่วประเทศ…
พฤกษา ผนึกกำลัง โรงพยาบาลวิมุต มอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพครบวงจรให้ลูกบ้านตลอดปี 2568 ภายใต้แนวคิด "สุขภาพดีเริ่มต้นที่บ้าน" จิตชญา ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง…
ออเนอร์ (HONOR) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป HONOR Magic7 Pro 5G ที่สร้างยอดขายเติบโตสูงถึง 2.4 เท่า นับตั้งแต่เปิดให้พรีออเดอร์เมื่อวันที่ 11-21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568…