มองไม่ชัด ตาพร่ามัว เสี่ยง “โรคต้อกระจก” ในคนทุกวัย: แพทย์ รพ.วิมุต แนะป้องกันก่อนสายเกินแก้

มองไม่ชัด ตาพร่ามัว เสี่ยง "โรคต้อกระจก" ในคนทุกวัย: แพทย์ รพ.วิมุต แนะป้องกันก่อนสายเกินแก้

ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น การใช้สายตาอย่างหนักหน่วงเพื่อจ้องจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพดวงตาตามมา หนึ่งในโรคที่น่าจับตามองและควรให้ความสำคัญคือ “โรคต้อกระจก” ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย

พญ.จิรนันท์ ทรัพย์ทวีผลบุญ จักษุแพทย์ผู้ชำนาญการโรคต้อหิน ศูนย์จักษุ รพ.วิมุต ได้ออกมาเปิดเผยถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคต้อกระจกในคนอายุน้อย พร้อมแนะนำแนวทางการป้องกันและรักษา เพื่อให้เรามีดวงตาที่สดใสและมองเห็นได้ชัดเจนไปนาน ๆ

“โรคต้อกระจก” คืออะไร?

“โรคต้อกระจก” คือภาวะที่เลนส์แก้วตาซึ่งปกติจะมีความใส กลับขุ่นมัวลง ทำให้แสงไม่สามารถส่องผ่านเข้าไปในตาได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้การมองเห็นไม่ชัดเจน หรือมีอาการพร่ามัวเหมือนมีหมอกบัง

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด “โรคต้อกระจก”

  • อายุที่มากขึ้น: เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด โดยมักพบในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
  • การสัมผัสรังสี UV: การอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่ป้องกันดวงตาจากรังสี UV อาจทำให้เลนส์ตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • การสูบบุหรี่: สารเคมีในบุหรี่สามารถทำลายเซลล์ในเลนส์ตาได้
  • การใช้ยาบางชนิด: ยาสเตียรอยด์บางชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจกได้
  • โรคประจำตัว: โรคเบาหวาน หรือโรคตาบางชนิด อาจเป็นปัจจัยเสี่ยง
  • อุบัติเหตุ: การบาดเจ็บบริเวณดวงตาอาจทำให้เกิดต้อกระจกได้

สัญญาณเตือนของ “โรคต้อกระจก”

  • ตาพร่ามัว: มองเห็นไม่ชัดเจน เหมือนมีหมอกบัง
  • ค่าสายตาเปลี่ยนแปลง: สายตาอาจสั้นหรือยาวขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • มองเห็นแสงไฟกระจาย: โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
  • ตาไวต่อแสง: รู้สึกแสบตาหรือมองไม่สบายเมื่อโดนแสงจ้า

การป้องกัน “โรคต้อกระจก”

  • สวมแว่นกันแดด: ป้องกันดวงตาจากรังสี UV
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่: งดการสูบบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีของดวงตา
  • ควบคุมโรคประจำตัว: หากมีโรคประจำตัว ควรควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนที่เพียงพอช่วยให้ดวงตาได้พักผ่อนและฟื้นฟู
  • ตรวจสุขภาพตา: ควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี เพื่อตรวจหาความผิดปกติและรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ

การรักษา “โรคต้อกระจก”

การรักษาโรคต้อกระจกที่ได้ผลดีที่สุดคือการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม โดยจักษุแพทย์จะนำเลนส์แก้วตาที่ขุ่นมัวออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่

คำแนะนำจากแพทย์

“โรคต้อกระจกสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย การดูแลสุขภาพตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรเริ่มดูแลตั้งแต่วันนี้ โดยการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ สวมแว่นกันแดดเมื่อออกแดด และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดโรคต้อกระจก หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม” พญ.จิรนันท์ กล่าวทิ้งท้าย

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่: ศูนย์จักษุ ชั้น 5 โรงพยาบาลวิมุต โทร. 0-2079-0058 หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือใช้บริการปรึกษาหมอออนไลน์

รพ.วิมุต เปิดตัว AMILI Probiotics ชูการดูแลสุขภาพลำไส้เชิงป้องกัน รับตลาดโพรไบโอติก 4.1 พันล้านบาท

Scroll to Top