ในแวดวงการแพทย์ที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด “การปลูกถ่ายอวัยวะ” กลายเป็นแสงแห่งความหวังใหม่สำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังร้ายแรงที่อวัยวะสำคัญในร่างกายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นโรคไตเรื้อรัง โรคตับแข็ง หรือโรคหัวใจล้มเหลว รวมถึงการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาที่ช่วยคืนแสงสว่างให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนอวัยวะยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ
ข้อมูลจาก Global Observatory on Donation and Transplantation (GODT) เผยให้เห็นถึงความท้าทายนี้ โดยในปี 2565 ทั่วโลกมีการปลูกถ่ายอวัยวะเพียง 157,494 ครั้งเท่านั้น และ “ไต” ยังคงเป็นอวัยวะที่มีความต้องการมากที่สุด ในขณะที่ประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จากศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ระบุว่า มีผู้ป่วยรอการปลูกถ่ายอวัยวะสูงถึง 7,486 ราย และมีผู้เสียชีวิตระหว่างรอคอยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2 ราย
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในฐานะโรงพยาบาลระดับจตุตถภูมิ (Quaternary Care) ได้ประกาศความสำเร็จในการยกระดับศูนย์การปลูกถ่ายอวัยวะให้เป็นศูนย์ชั้นนำระดับโลก พร้อมเผยผลสำเร็จในการปลูกถ่ายหัวใจ ไต ตับ และกระจกตาอย่างครบวงจร
“ปลูกถ่ายไต” อวัยวะที่มีความต้องการมากที่สุด
นพ. ทัตพงศ์ จิตเอื้ออารีย์ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ – ไตวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “ไต” เป็นอวัยวะที่มีความต้องการในการปลูกถ่ายมากที่สุด บำรุงราษฎร์ได้ให้บริการปลูกถ่ายไตมากว่า 37 ปี ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง และการรักษาผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายด้วยการปลูกถ่ายไต โดยสามารถปลูกถ่ายไตให้กับผู้ป่วยได้ตั้งแต่อายุไม่ถึง 10 ปี จนถึงอายุมากกว่า 80 ปี รวมถึงผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหลายโรค
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บำรุงราษฎร์มีอัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตสูงกว่า 90% ซึ่งนับเป็นอัตราความสำเร็จที่สูงเทียบเท่ามาตรฐานระดับโลก เกิดจากการผสมผสานประสบการณ์ของทีมแพทย์ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น การตรวจวิเคราะห์ยีน การใช้เทคนิคการผ่าตัดส่องกล้องและหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ที่สำคัญ บำรุงราษฎร์ยังสามารถทำการปลูกถ่ายไตข้ามหมู่เลือดได้สำเร็จ
“ปลูกถ่ายหัวใจ” การรักษาขั้นสูงสุดที่ช่วยยืดอายุผู้ป่วย
พญ. ปิยฉัตร พิพัฒนพงศ์โสภณ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ – หัวใจล้มเหลว โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวถึงผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นสุดท้ายว่า “การปลูกถ่ายหัวใจ” เป็นการรักษาขั้นสูงสุดที่ช่วยยืดอายุและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วย บำรุงราษฎร์มีทีมแพทย์เฉพาะทางและทีมสหสาขาวิชาชีพที่เชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจอย่างครอบคลุม ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย และได้รับการรับรองมาตรฐานสากล JCI Heart Failure สหรัฐอเมริกา ทำให้การผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจประสบความสำเร็จอย่างสูง
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บำรุงราษฎร์สามารถผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจให้กับผู้ป่วย 5 รายได้สำเร็จ และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“ปลูกถ่ายตับ” ช่วยผู้ป่วยในระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่น
พญ. อรพิน ธนพันธุ์พาณิชย์ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร – โรคตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายตับ มักจะเป็นผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับตับในระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ได้ การรักษาด้วยการปลูกถ่ายตับ จะช่วยให้ร่างกายของผู้ป่วยกลับมาทำงานได้เป็นปกติมากขึ้น
บำรุงราษฎร์มีประสบการณ์กว่า 22 ปีในการปลูกถ่ายตับ และมีคลินิกโรคตับที่ดูแลรักษาผู้ป่วยมากกว่า 42,000 รายต่อปี ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง
ปลูกถ่ายกระจกตา แก้ไขปัญหาการมองเห็น
ศ.พญ. งามจิตต์ เกษตรสุวรรณ แพทย์เฉพาะทางด้านจักษุวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวถึงปัญหากระจกตาที่เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นว่า “การปลูกถ่ายกระจกตา” เป็นการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนกระจกตาส่วนที่เสียหายด้วยกระจกตาจากผู้บริจาค เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการมองเห็นของผู้ป่วยให้ดีขึ้น
บำรุงราษฎร์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา และมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา พร้อมเทคนิคการรักษาที่หลากหลาย ทำให้การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาประสบความสำเร็จด้วยอัตราสูงถึง 97%
ความสำเร็จของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในการยกระดับศูนย์การปลูกถ่ายอวัยวะให้เป็นศูนย์ชั้นนำระดับโลก สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์และการให้บริการทางการแพทย์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการบริการที่ครบวงจร บำรุงราษฎร์ได้สร้างความหวังและโอกาสใหม่ให้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรังร้ายแรงให้กลับมามีชีวิตที่มีคุณภาพอีกครั้ง
–“Check PD” แอปฯ ไทย สู้ภัยเงียบ “พาร์กินสัน” รู้เร็ว รักษาไว ห่างไกลโรคร้าย