Healthcare

ฟิลิปส์ ขับเคลื่อนอนาคตแห่งการดูแลรักษาโรคหัวใจ ผ่านเทคโนโลยีทางการแพทย์ล่าสุด ในงาน Philips Interventional Symposium 2024

รอยัล ฟิลิปส์ ได้นำเสนอโซลูชันส์ในการดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดล่าสุด เพื่อช่วยยกระดับการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพขึ้น ภายในงาน “Philips Interventional Symposium” งานประชุมสัมมนาประจำปีที่ฟิลิปส์จัดขึ้น โดยได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจมารวมตัวกันกว่า 90 คน จากหลากหลายประเทศทั่วโลก อาทิ สเปน อังกฤษ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ประเทศไทย และเวียดนาม มาร่วมอัพเดทเทคโนโลยีล่าสุดในการตรวจสวนหัวจและหลอดเลือด พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแชร์ประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ เพื่อผลักดันและหาแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ

แพทย์หญิงคอนคอน โมลิน่า Head of Image Guided Therapy Systems ฟิลิปส์ เอเชีย-แปซิฟิก (APAC) กล่าวว่า “องค์การอนามัยโลกระบุว่าโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ทั่วโลก และยังเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเอเชีย ส่งผลให้ความต้องการในการดูแลรักษาโรคหัวใจเพิ่มมากขึ้น ฟิลิปส์ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เราจึงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลรักษาโรคหัวใจ เพื่อนำเสนอโซลูชั่นส์ในการดูแลรักษาแบบองค์รวม ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลการรักษา เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งบุคลากรทางการแพทย์และตัวผู้ป่วยให้มากที่สุด และเพื่อผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น โดยภายในงานประชุมฯ ครั้งนี้เราจะมีโอกาสได้รับฟังความคิดเห็นและความต้องการในกระบวนการทำงานของแพทย์ เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนานวัตกรรมของเราอีกด้วย”

จากผลสำรวจ Philips Future Health Index (FHI) 2024 ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการยกระดับด้านสาธารณสุขให้ครอบคลุมความต้องการของผู้ป่วยมากขึ้น โดยผลสำรวจพบว่า 71% ของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในวงการสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกบอกว่าความล่าช้ากำลังเป็นปัญหาสำคัญในวงการสาธาณสุข ไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าในการรอคิวนัดหมาย ความล่าช้าในการรอเพื่อเข้ารับการรักษา หรือความล่าช้าและข้อจำกัดในการเข้าถึงการตรวจคัดกรองและวินิจฉัย ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในวงการสาธารณสุขกำลังให้ความสำคัญกับการนำระบบอัตโนมัติ ข้อมูลเชิงลึก และเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งโซลูชันส์สำหรับการดูแลรักษาโรคหัวใจที่นำมาอัพเดทภายในงานฯ ครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะมารับมือกับปัญหาดังกล่าว

วิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก ในสหรัฐอเมริกาทุกๆ 33 วินาที จะมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด 1 คน[1] ในขณะที่รายงานของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าประเทศไทยจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน[2] ดังนั้น การตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ และเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ทันสมัย และการเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มากขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญของกระบวนการดูแลรักษา โดยในการประชุมฯ ครั้งนี้ ฟิลิปส์ได้นำเสนอโซลูชันส์ด้านตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทย ที่เน้นในด้านภาพคมชัด แสดงผลได้หลากหลายรูปแบบตามที่แพทย์ต้องการ ลดการฉีดสารทึบสีเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่มากขึ้น และยังมีเทคโนโลยีในการนำทางที่ชัดเจนระหว่างการทำหัตถการ รวมถึงระบบการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลแบบอัตโนมัติ ที่จะมาช่วยสนับสนุนการทำงานให้กับุคลากรทางการแพทย์ให้การดูแลรักษามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เราหวังว่าฟิลิปส์จะเป็นส่วนหนึ่งที่นำเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพเข้าสู่ระบบสาธารณสุขไทย ให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้มากขึ้น”

มิติใหม่ของการตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ เพื่อการวินิจฉัยได้อย่างครอบคลุม

อัลตร้าซาวด์หัวใจ หรือการตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiography) มีบทบาทสำคัญในการตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก สำหรับเทคโนโลยีการตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจล่าสุดจะเป็นแบบ 3 มิติ ซึ่งทำงานร่วมกับโซลูชันส์ AI เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดและสามารถวิเคราะห์ผลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังสามารถเรียกดูผลตรวจ สร้างภาพและรายงานการตรวจซ้ำได้ ทั้งจากการสแกนโดยตรง หรือระหว่างผู้ใช้งาน นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์และประมวลผลภาพจากอัลตร้าซาวด์หัวใจ จะช่วยให้แพทย์มีความมั่นใจในการวินิจฉัยโรคหัวใจ และสามารถระบุประเภทของโรคหัวใจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้กระบวนการทำงานของแพทย์รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การจำลองภาพหัวใจ 3 มิติแบบเสมือนจริง (Photorealistic 3D rendering ) ช่วยให้แพทย์โรคหัวใจเข้าใจภาวะหัวใจของผู้ป่วยแต่ละคนได้ง่ายและดีขึ้น โดยภาพ 3 มิติจะใช้สี แสง เงา และการไล่ระดับสี เพื่อแสดงภาพการไหลเวียนของเลือดในหัวใจ และผู้ใช้งานสามารถปรับระดับได้ตามต้องการในบริเวณที่ต้องการตรวจดูเป็นพิเศษ หรือบริเวณที่พบความผิดปกติ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงนี้ช่วยให้การวินิจฉัยมีความแม่นยำ ประหยัดเวลา และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้

การสร้างภาพหัวใจจากเทคโนโลยีอัลตร้าซาวด์มาทำงานร่วมกับโซลูชันส์ของเครื่อง Image Guided Therapy นี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทีมแพทย์ในการทำหัตถการสำหรับโรคหัวใจที่มีรูปร่างผิดปกติ (Structural Heart) เนื่องจากสามารถมองเห็นความผิดปกติของหัวใจและการไหลเวียนของเลือดได้ชัดเจน และโซลูชันส์ที่รวมเอาภาพจากอัลตร้าซาวด์หัวใจมาเข้ากับการถ่ายภาพเอ็กซเรย์แบบเรียลไทม์ไว้ด้วยกันนี้ ยังช่วยแสดงผลภาพที่ชัดเจนและรวดเร็วในการนำทางขณะที่แพทย์ทำหัตถการที่ซับซ้อนได้ เพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นของของผู้ป่วย

ดร.คริส แอนโทนี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ Structural and Advanced Multimodality Imaging โรงพยาบาล The Alfred and Epworth ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า “การจำลองภาพหัวใจเป็นรากฐานสำคัญในการวินิจฉัยและการตัดสินใจทางคลินิกที่แม่นยำของการดูแลรักษาโรคหัวใจ เทคโนโลยีการสร้างภาพอัตโนมัติจึงเข้ามาช่วยลดกระบวนการทำงานและความเครียดให้กับทีมแพทย์ได้ เพราะช่วยเพิ่มความมั่นใจทางคลินิกและผลลัพธ์ที่ดีกว่าสำหรับผู้ป่วย สำหรับเทคโนโลยีของฟิลิปส์ อย่าง 3D Multi-Planar Reconstruction และ Echo Navigator จะมาช่วยให้การรักษาโรคหัวใจรูปร่างผิดปกติก้าวหน้าไปอีกขั้น และสร้างมาตรฐานการดูแลรักษาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนให้แก่ผู้ป่วยของเราได้”

การผ่าตัดแบบแผลเล็กที่ดีกว่าเดิมเพื่อผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด

สำหรับการผ่าตัดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (CAD) ในผู้ป่วยที่มีโรคไตเรื้อรังร่วมด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ปัจจุบันสามารถใช้โซลูชันส์แบบ ultra-low contrast percutaneous coronary intervention (ULC-PCI) หรือการฉีดสารทึบสีที่น้อยลงได้แล้ว โซลูชันส์นี้มาพร้อมกับเครื่อง Image Guided Therapy System ของฟิลิปส์ การลดการฉีดสารทึบรังสีในระหว่างกระบวนการสวนหลอดเลือดหัวใจ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันในผู้ป่วยได้ ทำให้ศัลยแพทย์ยังคงได้ภาพที่ชัดเจนแต่ใช้สารทึบสีน้อยลง แพทย์จึงสามารถผ่าตัดได้อย่างมั่นใจ และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจได้มากขึ้น

การประเมินความพร้อมของผู้ป่วยในการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ แพทย์จะต้องทำการวัดความดันของผู้ป่วยเพิ่มเติม หากย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วการตรวจวัดความดันนี้จำเป็นต้องฉีดยา แต่ในปัจจุบัน ด้วยการวัดค่าความดันโลหิตในหลอดเลือดหัวใจแบบ iFR (Instantaneous Wave Free Ratio) เป็นทางเลือกที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถทดแทนการฉีดยาได้ จึงทำให้กระบวนการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจรวดเร็วมากขึ้น ค่าใช้จ่ายน้อยลง และช่วยลดความเจ็บปวดของผู้ป่วยลงมากกว่า 95%[3]

หลังจากการนำ iFR มาใช้ ฟิลิปส์ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสาขาวิชาสรีรวิทยาของหลอดเลือดหัวใจและกำหนดกระบวนการใหม่ โดยได้นำเสนอเทคโนโลยีเสริมอย่าง iFR Co-registration ในงานฯ ครั้งนี้ ด้วยการแสดงผลค่า iFR บนภาพหลอดเลือดจะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นการไหลเวียนของหลอดเลือดหัวใจ ทำให้แพทย์ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและรวดเร็วมากขึ้น

ดร.จาเวียร์ เอสคาเนด Head Interventional Cardiology Section โรงพยาบาล Clinico San Carlos IDISSC ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ได้กล่าวถึงความโดดเด่นของเทคโนโลยี iFR ว่า “การมาถึงของ iFR ได้เปลี่ยนแปลงภาพรวมของสรีรวิทยาหลอดเลือดหัวใจในทางคลินิก การพัฒนาต่างๆ เช่น การวิเคราะห์หลอดเลือดตามยาว (iFR Scout) และ iFR co-registration ร่วมกับการทำภาพหลอดเลือดได้มีส่วนช่วยในการวางแผนและแนวทางการผ่าตัดสวนหลอดเลือดหัวใจรูปแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษาหลอดเลือดหัวใจให้ดีขึ้น”

N Health ร่วมสนับสนุนโครงการรัฐ ขับเคลื่อนสังคมไทยปลอดมะเร็งปากมดลูก

supersab

Recent Posts

ทรู คอร์ปอเรชั่น หนุนแฟนความเร็วทั่วโลกรองรับงานระดับนานาชาติ “MotoGP”

ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าสนับสนุนการจัดงานระดับโลก "PT Grand Prix of Thailand 2024" หรือ "ไทยแลนด์ โมโตจีพี 2024" ศึกชิงเจ้าแห่งความเร็ว ณ…

10 hours ago

Virgin Active เปิดตัวแคมเปญ ‘Real Wellness My Way’ ตอกย้ำจุดยืนแบรนด์ใหม่ล่าสุด ผลักดันการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมอย่างเป็นรูปธรรม

Virgin Active Thailand เปิดตัวแคมเปญที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจุดยืนระดับโลกของแบรนด์อย่าง 'Where Wellness Gets Real' ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ตอกย้ำวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์เบื้องหลังที่มาของจุดยืนของแบรนด์ล่าสุดที่พร้อมมอบแนวทางในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมอย่างเป็นรูปธรรม และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยอย่างแท้จริง 'Where Wellness Gets…

10 hours ago

ซีพีแรม ร่วมแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ด้านโลจิสติกส์ Smart Logistics Talk : The Future of Business Transformation ในงาน LogiMAT Southeast Asia 2024

คุณวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด ร่วมแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์ ภายใต้หัวข้อ “Smart Logistics Talk: The Future of…

10 hours ago

Beam สตาร์ทอัพฟินเทคไทย ปิดจุดอ่อนระบบรับชำระเงิน ด้วยภารกิจ สร้างการชำระเงินที่ง่ายที่สุด สร้างรายได้ปีละ 100 ล้านใน 3 ปี

Beam สตาร์ทอัพฟินเทคที่โตเร็วอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ตอบรับกระแสคอมเมิร์ซที่มาแรงต่อเนื่องด้วยระบบชำระเงินครบวงจร ช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากซ้ำซ้อน เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการทำธุรกรรม ตอบโจทย์ธุรกิจทุกขนาด พร้อมตั้งเป้าสร้างระบบการชำระเงินที่ง่ายที่สุดในโลก ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “The World’s Simplest Ways…

10 hours ago

A10 Networks นำเสนอแนวทางการรักษาความปลอดภัยและ ส่งมอบแอปพลิเคชัน AI ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางไซเบอร์

A10 Networks ส่งโซลูชันด้านความปลอดภัยและโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยให้ลูกค้าเพิ่มความยืดหยุ่นทางไซเบอร์และใช้ประโยชน์จากพลังของ AI ในการรักษาความปลอดภัยและจัดการโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร เพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้และประสิทธิภาพ ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กรง่ายขึ้น จากเทรนด์ GenAI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ รวมถึง GPU…

10 hours ago

Lalamove เผยยอดส่งข้ามจังหวัดเติบโต 40% ตอบรับดีมานด์การส่งของที่สูงขึ้นของรายย่อยและ SMEs

Lalamove เดินหน้าส่งมอบบริการ “ส่งด่วนข้ามจังหวัด ส่งกับ Lalamove” ตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการขนส่งด่วนข้ามจังหวัด ช่วยสนับสนุนธุรกิจ SMEs ให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนสูง อย่างค่าพาหนะและทีมงานขนส่งของตัวเอง พร้อมมุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการเติบโตให้แก่คนขับรถอิสระที่เป็นพาร์ทเนอร์ของ Lalamove การบริการส่งข้ามจังหวัดทั่วไทย พร้อมส่งถึงมือผู้รับทุกจุดหมายทั่วไทยยกเว้น 3…

10 hours ago