ปุณศิรา เธียรวร นักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกา พัฒนาแอปพลิเคชัน สโคลิโอบัดดี้ (ScolioBuddy) เพื่อตรวจคัดกรองโรคกระดูกสันหลังคด มุ่งหวังช่วยเหลือผู้ป่วยกว่า 1-2 ล้านคนทั่วประเทศ พร้อมเดินสายให้ความรู้ตามโรงเรียนต่างๆ สร้างความตระหนักรู้และเสริมสร้างพลังให้เยาวชนไทยดูแลสุขภาพ
โรคกระดูกสันหลังคดเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า พบผู้ป่วยโรคนี้มากถึงร้อยละ 2-3 ของประชากร หรือประมาณ 1-2 ล้านคน แต่ผู้ป่วยจำนวนมากยังไม่ได้รับการวินิจฉัย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว
จากปัญหาดังกล่าว ปุณศิรา (เอฎา) เธียรวร นักเรียนไทยจากโรงเรียนโชต โรสแมรี่ ฮอลล์ (Choate Rosemary Hall) รัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “สโคลิโอบัดดี้” (ScolioBuddy) ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการตรวจคัดกรองโรคกระดูกสันหลังคดเบื้องต้น พร้อมทั้งติดตามและจัดการอาการ โดยแอปพลิเคชันนี้ให้บริการฟรี และมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างเท่าเทียม
สโคลิโอบัดดี้: จุดเริ่มต้นของความหวัง
แอปพลิเคชันสโคลิโอบัดดี้ (ScolioBuddy) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันรณรงค์ให้ความรู้เรื่องโรคกระดูกสันหลังคดโลก เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์ศิริราช เอช โซลูชันส์ ภายในไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ โดยมีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง นักกายภาพบำบัด และบุคลากรทางการศึกษาเข้าร่วมงาน
ภายในงาน เอฎาได้สาธิตการใช้งานแอปพลิเคชัน ซึ่งสามารถวัดความโค้งของกระดูกสันหลังและติดตามการเปลี่ยนแปลงของอาการได้ โดยมีนักเรียนและครูจากโรงเรียนต่างๆ เข้าร่วมงาน และได้รับความรู้เกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลังคด รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น
จากโรงพยาบาลศิริราชสู่โรงเรียนทั่วกรุงเทพฯ
หลังจากเปิดตัวแอปพลิเคชัน เอฎาได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมเดินสายไปยังโรงเรียนต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลังคด และแนะนำแอปพลิเคชันสโคลิโอบัดดี้ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
เอฎาได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลังคด สาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกัน รวมถึงสอนท่าออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและรักษาโรค
“เป้าหมายของเราคือการสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้าง โดยหวังว่านักเรียนจะนำความรู้เหล่านี้ไปแบ่งปันกับครอบครัว เพื่อน และชุมชนของพวกเขา” เอฎากล่าว
ลดช่องว่างการเข้าถึงบริการสุขภาพ
นอกจากการให้ความรู้แล้ว เอฎายังมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
“การให้บริการแอปพลิเคชันสโคลิโอบัดดี้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นการให้คำมั่นสัญญาเรื่องความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ” เอฎากล่าว
แอปพลิเคชันสโคลิโอบัดดี้ยังรองรับหลายภาษา เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย และสะท้อนถึงความตั้งใจของเอฎาที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
สโคลิโอบัดดี้ในงานวิ่งการกุศล Run Together for Autism
เอฎาได้รับเชิญให้นำแอปพลิเคชันสโคลิโอบัดดี้เข้าร่วมงานวิ่งการกุศล Run Together for Autism ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการยอมรับและเข้าใจบุคคลที่มีอาการออทิสติก
ในงานนี้ เอฎาได้แนะนำความสามารถของแอปพลิเคชัน และเน้นย้ำว่า สโคลิโอบัดดี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทุกคน รวมถึงเด็กพิเศษ สามารถดูแลสุขภาพกระดูกสันหลังได้ด้วยตนเอง
เสียงตอบรับจากผู้ใช้งาน
แอปพลิเคชันสโคลิโอบัดดี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากทั้งนักเรียน ครู และผู้ปกครอง โดยหลายคนชื่นชมที่แอปพลิเคชันใช้งานง่าย เข้าถึงได้ฟรี และมีประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ
“ดิฉันเห็นว่าแอปพลิเคชันนี้สามารถเปลี่ยนชีวิตนักเรียนหลายคนที่อาจไม่มีโอกาสเข้าถึงการดูแลสุขภาพ” ครูท่านหนึ่งกล่าว
น้องทัท: พลังแห่งเยาวชน
หนึ่งในความพิเศษของโครงการนี้คือการมีส่วนร่วมของ ชญตว์ (ทัท) เธียรวร น้องชายของเอฎา ซึ่งได้ออกแบบและผลิตที่จับโทรศัพท์พิเศษด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เพื่อใช้ร่วมกับแอปพลิเคชัน
นวัตกรรมของน้องทัทช่วยให้ผู้ใช้สามารถวัดความโค้งของกระดูกสันหลังได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเยาวชนไทยสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคมได้
ขยายขอบเขตสู่อาเซียน
ปัจจุบัน โรงพยาบาลศิริราชได้นำแอปพลิเคชันสโคลิโอบัดดี้ไปใช้ และมีแผนที่จะขยายการใช้งานไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ แอปพลิเคชันยังถูกนำไปใช้ในวัด เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ สามารถตรวจสอบสุขภาพกระดูกสันหลังของตนเองได้
สโคลิโอบัดดี้: จุดประกายการเปลี่ยนแปลง
แอปพลิเคชันสโคลิโอบัดดี้ ไม่เพียงเป็นเครื่องมือในการตรวจคัดกรองโรคกระดูกสันหลังคด แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความเท่าเทียม และพลังของเยาวชนในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคม