รพ.วิมุต กางแผนปี 66 เดินหน้ากลยุทธ์ HOLISTIC HOSPITAL เต็มรูปแบบ

รพ.วิมุต กางแผนปี 66 เดินหน้ากลยุทธ์ HOLISTIC HOSPITAL เต็มรูปแบบ

โรงพยาบาลวิมุต ประกาศเดินหน้าตามแผนธุรกิจปี 2566 ผสานจุดแข็งทุกด้านมู่งสู่การเป็น “HOLISTIC HOSPITAL” เต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “Holistic Care” นำเสนอบริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อตอบรับนโยบายกระทรวงสาธารณสุขและพร้อมก้าวสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” อย่างมั่นคง และเพราะเราเข้าใจถึงความยากลำบากของคุณ เมื่อคนในครอบครัวต้องเจ็บป่วย และตัวคุณเองก็เจ็บปวด วิมุตจึงอยากสื่อสารผ่านแฮชแท็ก #ทีมแพทย์เฉพาะคุณ ดูแลทั้งคุณและคนที่คุณรัก เพื่อมอบความอุ่นใจในการดูแลรักษาสมาชิกทุกช่วงวัยในครอบครัว พร้อมให้คำแนะนำ แจ้งเตือน ประสานงานกับทีมแพทย์เฉพาะทางต่าง ๆ นัดหมายเวลาเข้าพบแพทย์ให้สอดคล้องกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ผ่อนคลาย และเปี่ยมด้วยสุขภาพอนามัยที่แข็งแรง

เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ 38 รพ. ทั่วไทย ขยายเวลาให้บริการ Telemedicine ผู้ป่วยเรื้อรัง รักษาตัวต่อเนื่อง ถึงสิ้นปี 66

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “สำหรับวิมุต เราให้ความหมายกว้างกว่าคำว่า ‘โรงพยาบาล’ เพราะเราไม่ใช่แค่ให้บริการรักษาโรคด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น แต่เรายังต้องการดูแลคนไข้ในแบบองค์รวม ซึ่งหมายถึงการป้องกัน ส่งเสริม รักษา และฟื้นฟูสุขภาพของคนไข้รวมไปถึงครอบครัวของเขาด้วย เพื่อที่ทุกคนในบ้านจะมีสุขภาพดีทั้งกายและใจและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เหล่านี้จึงเป็นที่มาของกลยุทธ์การดำเนินงาน HOLISTIC HOSPITAL โดยในไตรมาสแรกของปี เราได้ออกแคมเปญ “Holistic Care” เพื่อสื่อสารถึงการดูแลสุขภาพที่ครบครัน รวมถึงการป้องกันก่อนเกิดโรคและการรักษาที่ตรงจุดด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย ที่ตรวจวิเคราะห์ลงลึกถึงระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการผ่านการรองรับมาตรฐานสากล โดยคำนึงถึงปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน เพื่อออกแบบการดูแลสุขภาพเฉพาะรายบุคคล ประกอบกับการให้คำปรึกษาโดยทีมแพทย์ด้านเวชศาสตร์ครอบครัวเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระยะยาว เพื่อมอบบริการดูแลรักษาที่สมบูรณ์แบบและอำนวยความสะดวกได้สูงสุด โดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง”

แนวคิดแคมเปญ Holistic Care ยังสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงสาธารณสุขไทย ตามพระราชบัญญัติระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 ซึ่งระบุว่าประชาชนควรสามารถเข้าถึงระบบบริการสุขภาพใกล้บ้านที่มีคุณภาพ โดยภารกิจสำคัญของระบบการแพทย์และสาธารณสุขไทยไม่ใช่การรักษาเมื่อเจ็บป่วยแล้วเท่านั้น สิ่งสำคัญคือการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม กล่าวคือเป็นการดูแล “คน” ไม่ใช่แค่รักษา “โรค” แต่เป็นการวิเคราะห์ผู้ป่วยในทุกมิติทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม ครอบครัว และชุมชน ซึ่งรูปแบบบริการสุขภาพแบบองค์รวมในทุกมิตินี้ จะช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเอง (Selfcare) ของคนทุกวัย ก่อให้เกิดความเข้มแข็งของชุมชนในภาพรวมต่อไป และนี่คือภารกิจของ “แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว”

“วิมุตได้ผสานหลักการของเวชศาสตร์ครอบครัวและนโยบาย ‘หมอครอบครัว’ ที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังผลักดันให้เป็นรูปเป็นร่างอยู่ในตอนนี้ โดยมีเป้าหมายให้แต่ละครอบครัวมีหมอประจำตัว เป็นหมอคนเดิมที่รู้จักและเข้าใจเราเป็นอย่างดีและดูแลต่อเนื่องได้ในทุกมิติสุขภาพ รวมถึงประสานส่งต่อคนไข้ให้แพทย์เฉพาะทางในกรณีที่จำเป็น” นพ.สมศักดิ์ กล่าว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ รพ.วิมุตได้ออกภาพยนตร์แคมเปญ ” เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านทางแฮชแท็ก #ทีมแพทย์เฉพาะคุณ ดูแลทั้งคุณและคนที่คุณรัก สื่อถึงอีกระดับของการรักษาบนความใส่ใจที่จับต้องได้ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งใส่ใจในทุกมิติ รวมถึงสภาพจิตใจทั้งของคนไข้และครอบครัว เพราะวิมุตเชื่อว่าอีกระดับของการรักษาด้วยความใส่ใจคือการดูแลในทุกรายละเอียดของชีวิต เสมือนมีหมอประจำครอบครัวของคุณเอง

พญ.มนฑรัตม์ เจนทวีพรกุล เวชศาสตร์ครอบครัว แพทย์ผู้ชำนาญการเวชศาสตร์ครอบครัว ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในเรื่องนี้ว่า “ประโยชน์ของการมีแพทย์ประจำตัวจะเห็นได้จากกรณีที่คนไข้ต้องพบแพทย์เฉพาะทางหลาย ๆ คน โดยสามคุณหมอก็เสนอมาสามแนวทาง สามชุดการรักษา จนอาจทำให้คนไข้รู้สึกสับสนเพราะต้องสรุปแนวทางการรักษาด้วยตัวเอง จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าเรามีคุณหมอประจำที่ช่วยดูแลสุขภาพในภาพรวมของเราและครอบครัวไปด้วยกัน การนำเสนอแคมเปญ Holistic Care สื่อสารเป้าหมายในการดูแลสุขภาพทั้ง 4 มิติ คือ ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาโรค และฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชนไปด้วยกัน ไม่ได้เน้นการดูแลเฉพาะโรคเท่านั้น แต่ยังดูแลเรื่องสภาพจิตใจ คุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของครอบครัว ซึ่งต่างจากการแพทย์แบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นในการรักษาโรคเพียงอย่างเดียว”

สำหรับประเทศไทยที่ได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุช่วงแรกอย่างสมบูรณ์แล้ว นอกจากแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวที่ทำงานร่วมกับผู้สูงอายุแล้ว วิมุตยังมีศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ที่ช่วยฟื้นฟูสภาพและดูแลรักษาสุขภาพของผู้สูงอายุได้อย่างตรงจุด

นพ.ปฐมฉัฐ พิสิฐวัฒนาภรณ์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านออร์โธปิดิกส์ ศูนย์กระดูกและข้อ ได้เล่าถึงการดูแลสุขภาพกระดูกและการดูแลผู้สูงอายุในแบบวิมุตว่า “วิมุตตั้งใจรักษาให้คนไทยมีสุขภาพแข็งแรงและเข้าถึงการรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มอบความใส่ใจคนไข้เสมือนคนในครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหลักหรือโรคร่วมที่มีความซับซ้อนและส่งผลต่อคุณภาพชีวิต เช่น โรคทางระบบสมองและประสาท โรคระบบกระดูกและข้อ โดยวิมุตมีแพทย์ผู้ชำนาญการครอบคลุมทุกสาขา โดยจะร่วมกันประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

โรคที่พบในผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักเกิดจาการไม่ดูแลตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่ออายุมากขึ้นจึงแสดงอาการรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับกระดูกและข้อ ฉะนั้นทีมแพทย์ศูนย์กระดูกและข้อ รวมถึงแพทย์สาขาอื่น ๆ ของวิมุตจึงพยายามทำงานร่วมกับแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยปูพื้นฐานการดูแลสุขภาพให้กับสมาชิกครอบครัวในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะคนที่อายุยังน้อย ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การพบแพทย์เพื่อตรวจหาความเสี่ยงต่าง ๆ เป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคในอนาคต

“นอกจากนี้ เรายังมีการดูแลในส่วนอื่นๆ ของศูนย์ต่างๆ เพื่อรองรับและเตรียมความพร้อม อย่าง ศูนย์หัวใจ ศูนย์เบาหวาน ศูนย์จักษุ ศูนย์หูคอจมูก ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร ศูนย์สมองและระบบประสาท ฯลฯ เพื่อสอดรับการดูแลรักษา และให้ความพร้อมอย่างครบครัน ตอบโจทย์การแบ่งเบาภาระของคนในครอบครัวคุณได้อย่างตรงจุด เพื่อให้คุณใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า และมีเวลาอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างใกล้ชิดและยาวนาน

ไม่เพียงเท่านี้ วิมุตยังกำลังเร่งดำเนินโครงการขยายการให้บริการต่างๆ เพิ่มเติม ทั้งในรูปแบบคลินิกและ Nursing home กระจายไปตามชุมชนต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ใกล้บ้านได้สะดวกรวดเร็วมากที่สุด นอกจากนี้ เรายังนำเสนอบริการดูแลสุขภาพระบบดิจิทัลผ่านทางแอปพลิเคชัน ViMUT ซึ่งช่วยให้คุณตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ส่วนบุคคล จองนัดหมายแพทย์ได้ด้วยตัวเอง รับคำปรึกษาจากแพทย์แบบออนไลน์ บริการขอรับยาและวัคซีนที่บ้าน ตลอดจนฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ ซึ่งเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบบริการทางการแพทย์แบบองค์รวมที่สมบูรณ์แบบแก่คนไทยต่อไป” นพ.สมศักดิ์ กล่าวสรุป

Scroll to Top