นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงผลงานกระทรวงแรงงานในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงาน ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีนโยบายสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องผู้ใช้แรงงานให้ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ด้านการพัฒนาทักษะฝีมือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ฝึกยกระดับทักษะฝีมือให้แรงงานกลุ่มต่างๆ อาทิ แรงงานทักษะเฉพาะเพื่อรองรับอีอีซี กลุ่มผู้มีรายได้น้อย แรงงานในภาคท่องเที่ยวและบริการ รวมแล้วกว่า 9.06 ล้านคน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1.6 แสนล้านบาท ด้านส่งเสริมการมีงานทำ กรมการจัดหางาน ได้จัดหางานให้คนไทย
ในประเทศกว่า 2.5 ล้านคน เกิดรายได้กว่า 1.7 แสนล้านบาท จัดหางานต่างประเทศ ได้จัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศกว่า 1.8 แสนคน นำรายได้ส่งกลับสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า 6.2 แสนล้านบาท สามารถทำให้คนไทยมีงานทำกว่า 2.7 ล้านคน เกิดรายได้ทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 7.9 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ด้านเสริมสร้างหลักประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม ได้เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรจาก 600 เป็น 800 บาท มีผู้ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรเฉลี่ยปีละ 1.3 ล้านราย เป็นเงินเกือบ 3 หมื่นล้านบาท รวมทั้งยังลดค่าครองชีพให้กับผู้ประกันตนตามโครงการสินเชื่อ ธอส.กว่า 25,000 คน วงเงินเกือบ 3 หมื่นล้านบาทอีกด้วย
นางเธียรรัตน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการผลักดันแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ได้มีการแก้ไขกฎหมายต่างๆ หลายฉบับ อาทิ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ พ.ศ. …. พิจารณากองทุนประกันความเสี่ยงกรณีเลิกจ้าง แก้กฎกระทรวง ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีบำนาญชราภาพผู้ประกันตนจาก 60 เป็น 65 ปีบริบูรณ์ กรณีเสียชีวิต เงินชราภาพถึงทายาท และร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน เพื่อคุ้มครองสิทธิลูกจ้างเหมาบริการของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น
“ดังนั้นจึงฝากถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ขอให้ช่วยสานงานกระทรวงแรงงานต่อ โดยเฉพาะงานที่ท่านรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น ได้คิดและทำไว้แล้ว อาทิ ได้ผลักดันให้มีโรงพยาบาลประกันสังคมขึ้นเพื่อดูแลรักษาคนทำงานยามเจ็บป่วย รวมทั้ง พ.ร.บ.ประกันสังคม 3 ขอ ขอเลือก ขอกู้ ขอคืน เพื่อให้ผู้ประกันตนมีสิทธิ์เลือกได้อย่างอิสระ ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่จะเข้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ทั้งนี้เชื่อว่าหากสิ่งที่ทำไว้แล้วได้มีการสานต่อก็จะเกิดประโยชน์กับพี่น้องผู้ใช้แรงงานมากที่สุด” นางเธียรรัตน์ กล่าวท้ายสุด