ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ร่วงต่ำสุดรอบ 10 เดือน

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. 66 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. 66 อยู่ที่ระดับ 92.3 ปรับตัวลดลงจาก 94.1 ในเดือนมิถุนายน ถือเป็นค่าดัชนีต่ำสุดในรอบ 10 เดือน โดยมีปัจจัยจากความต้องการสินค้าชะลอตัว ซึ่งเป็นผลจากภาวะหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพอยู่ในระดับสูง ทำให้กำลังซื้ออ่อนแอลง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยพุ่งสูง และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน กระทบความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ซึ่งการสำรวจพบข้อกังวลของเอกชนในประเด็นการเมืองเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน จากระดับกว่า 20% ในเดือนมิ.ย. ขยับขึ้นมาที่ระดับ 44.9 % นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง ทำให้การส่งออกส่งสัญญาณชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ทั้งนี้ปัจจัยบวกเรื่องเดียวที่ช่วยพยุงการบริโภคและการใช้จ่ายในประเทศขณะนี้คือการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ดี

สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 100.2 ปรับตัวลดลงจาก 102.1 ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลต่อความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณภาครัฐ ขาดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งราคาพลังงาน , ค่าไฟฟ้า และ ค่าจ้างแรงงาน ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจการท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

พร้อมแสดงความเป็นห่วงปัจจัยเรื่องการส่งออก ที่มีความเสี่ยงจากการที่สินค้าจีนจะทะลักเข้ามาแย่งตลาดส่งออกในอาเซียนของไทยให้สามารถส่งออกไปอาเซียนได้ลดลง รวมถึงตลาดในประเทศ กระทบผู้ผลิตรายย่อยของไทยที่มีต้นทุนสูงกว่าให้แข่งขันได้ยากขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลหามาตรการช่วยปกป้องเอสเอ็มอีในประเทศจากสถานการณ์ดังกล่าว

ขณะเดียวกันได้เสนอให้ฝ่ายการเมือง เร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วและเร่งออกนโยบายฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งหนี้ครัวเรือน กำลังซื้อ และปัญหาภัยแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ , สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนและกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ,ขอให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากภาระต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เสริมสภาพคล่องทางการเงินและลดวามเสียงหนี้เสีย , เร่งใช้กลไกทูตพาณิชย์ในการเจรจาเร่งจัดทำความตกลงการค้าเสรี และลดปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ขยายโอกาสทางการค้าและสนับสนุนการส่งออก และที่สำคัญ ขอให้ภาครัฐเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะโครงการลงทุนต่าง ๆ ที่ยังค้างท่อเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนประเด็นเบี้ยผู้สูงอายุ ขอปฏิเสธให้ความเห็นเนื่องจากมองว่าเป็นวิวาทะในข่าว และยังไม่แน่ใจรายละเอียดถึงเหตุผลในการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุเฉพาะบางกลุ่ม

นอกจากนี้ให้ความเห็นต่อกระแสข่าว โผคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ โดยมองว่า เอกชน อย่างเห็นดรีมทีมทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ , รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อแก้ปัญหาสภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ยังไม่ค่อยดี และคณะรัฐมนตรี “ควรเป็นบุคคลที่เปิดตัวมาแล้วดูหล่อ สมการรอคอย ไม่ใช่เปิดตัวมาแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ต้องเปิดตัวมาแล้วคนทั้งประเทศต้องมีความหวัง ต้องเป็นคคนเก่ง คนดี เป็นที่ยอมรับ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคนได้” ส่วนการที่มีรายชื่อของ นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ติดโผรายชื่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เชื่อว่า หากเป็นนายผยง จริง ก็เชื่อว่าทุกคนจะยอมรับ แต่จะเป็นนายผยง จริงตามข่าวหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ ​แต่หากเป็นเรื่องจริงก็ดีใจ เพราะในฐานะที่ทำงานร่วมกัน ก็เชื่อว่านายผยง ได้ผลักดันงานหลายด้าน มีความเข้าใจเศรษฐกิจภาพรวมทั้งไมโคร แมคโคร

• Facebook
• X
• Line