นายวิษณุ ทับเที่ยง หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่ากระทรวงอุตสาหกรรม มีแนวทางควบคุมผู้ก่อกำเนิดของเสียเป็นผลจากนโยบายของ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมขับเคลื่อนงานภายใต้นโยบาย MIND ใช้หัวและใจ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน มุ่งสู่ความสำเร็จใน 4 มิติ ได้แก่ ความสำเร็จทางธุรกิจ การดูแลสังคม การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การกระจายรายได้ให้กับชุมชน และให้ความสำคัญในการยกระดับทุกองค์ประกอบของภาคอุตสาหกรรม ควบคู่กับการสร้างความเข้มแข็งและกระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย “อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” โดยเฉพาะประเด็นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในมิติของการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม
นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ปรับปรุงกฎหมายฉบับล่าสุด คือ “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566” นำหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายหรือเป็นผู้รับผิดชอบ (Polluter Pays Principle: PPP) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยกำหนดความรับผิดตั้งแต่ต้นทางโรงงานผู้ก่อกำเนิด ไปจนกว่าสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจะได้รับการจัดการจนแล้วเสร็จ ซึ่งจะมีผล บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ได้กำหนดให้โรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียทุกโรงงานต้องรายงานข้อมูลผ่านระบบการรายงานข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ iSingle Form (https://isingleform.go.th/home) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของกระทรวงฯ ที่ใช้ในการกำหนดนโยบาย การกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงาน การป้องกันและปราบปรามการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อม โดยให้โรงงาน ต้องรายงานภายในกรอบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดคือ 30 มิถุนายน 2566 หากฝ่าฝืนไม่รายงานหรือรายงานล่าช้ามีโทษปรับสุงสุด 20,000 บาท
“การบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม จำเป็นต้องใช้กฎหมายในการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด และต้องมีการจัดการอย่างถูกต้องและเหมาะสมตามหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ของเสียจากภาคอุตสาหกรรมหลุดออกจากระบบ อาจส่งผลกระทบกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ดังนั้น จึงอยากแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้รายงานข้อมูลกากอุตสาหกรรม ให้เร่งดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ขณะนี้ประเทศไทยมีโรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียจำนวน 60,638 โรงงานทั่วประเทศ โดยมีโรงงานที่ยังไม่ได้รายงานข้อมูลกว่า 27,000 แห่งจึงกำชับให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เร่งประสาน ติดตาม และเน้นย้ำให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานรายงานข้อมูลการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้วผ่านระบบข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ iSingle Form (https://isingleform.go.th/home) ภายในกรอบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด คือไม่เกินวันที่คือ 30 มิถุนายน 2566 นี้ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท” นายวิษณุ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) จะจัดการอบรมให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในหัวข้อ “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2566” จำนวน 5 รอบ รอบที่ 1 วันที่ 19 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00-12.00 น. รอบที่ 2 วันที่ 20 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00-12.00 น. รอบที่ 3 วันที่ 21 มิถุนายน 2566 เวลา 13.00-16.00 น. รอบที่ 4 วันที่ 22 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00-12.00 น. รอบที่ 5 วันที่ 23 มิถุนายน 2566 เวลา 13.00-16.00 น.
โดยผู้สนใจสามารถเลือกเข้ารับการอบรมผ่านระบบออนไลน์ ได้ 2 ช่องทาง ระบบ ZOOM Meeting จำนวนรอบละ 500 ราย และทาง Live Facebook กรมโรงงานอุตสาหกรรม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กกอ.กรอ.) โทร. 0 2430 6307 ต่อ 1609