กระแสชาไทย Specialty ฟีเวอร์! ข้อมูลจาก LINE MAN เผยให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาด “ชาไทย Specialty” ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่มียอดสั่งซื้อทะยาน 81% ร้านใหม่ตบเท้าเปิดตัวเพิ่มขึ้นถึง 205% โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาเครื่องดื่มคุณภาพสูง รสชาติเป็นเอกลักษณ์ และสามารถเลือกสรรได้ตามความชอบส่วนบุคคล
จุดเริ่มต้นและพัฒนาการ:
เทรนด์ชาไทย Specialty เริ่มต้นขึ้นในปี 2022 เมื่ออุตสาหกรรมชาไทยมีการพัฒนาเชิงโครงสร้าง ทั้งในด้านคุณภาพของใบชา ความหลากหลายของแหล่งปลูก และกำลังการผลิต ส่งผลให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นตลาดค้าชาที่สำคัญของโลก โดยพันธุ์ชาที่นิยมปลูกในไทย ได้แก่ ชาจีนและชาอัสสัม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของชาไทยสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ ก่อนจะถูกนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นเมนู “ชาไทย Specialty” ที่สามารถเลือกรสชาติและกลิ่นหอมได้หลากหลาย
ผู้ประกอบการและผู้บริโภค:
แพร-มิญชยา บูรณะเศรษฐกุล เจ้าของร้าน KHIRI Thai Tea หนึ่งในร้านชาไทย Specialty ที่มียอดออร์เดอร์สูงสุดบน LINE MAN กล่าวว่า ชาไทยอยู่คู่คนไทยมานาน แต่ด้วยเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมาบริโภคเครื่องดื่ม Specialty มากขึ้น ทำให้ตลาดชาไทย Specialty เติบโตตามมา โดยรูปแบบของชาไทย Specialty นั้นเชื่อมโยงทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่การใช้ใบชาจากเกษตรกรไทย พัฒนาโดยคนไทย และถ่ายทอดเป็นเมนูที่สะท้อนรสชาติแท้ของชาไทย
ปัจจุบัน ร้านชาไทยทั่วประเทศเริ่มคัดสรรใบชาคุณภาพจากแหล่งปลูกต่างๆ ทั่วไทย ซึ่งมี Taste Notes เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ชาเชียงรายให้กลิ่นอายดอกไม้และเบอร์รี่ ชาแม่ฮ่องสอนมีโน้ตของส้มและเนยสด ชาปัตตานีมีกลิ่นหอมของเนยถั่วและลูกสน
กระแส “ชาไทยลิซ่า” ฟีเวอร์:
นอกจากนี้ กระแส “ชาไทยลิซ่า” ที่สร้างสรรค์โดย “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” ร่วมกับ Erewhon ซูเปอร์มาร์เก็ตหรูในอเมริกา ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปหันมาสนใจเมนูชาไทยพรีเมียมมากขึ้น ส่งผลให้ร้านดังต่างๆ ทั่วประเทศเพิ่มเมนู “ชาไทยลิซ่า” ตามมา
การเติบโตของตลาดชาไทย Specialty:
จากข้อมูลของ LINE MAN พบว่า ตลาดชาไทย Specialty มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปี 2022-2024 ดังนี้
- ร้านเครื่องดื่มที่ขายชาไทย Specialty เพิ่มขึ้นกว่า 205% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
- ยอดสั่งเดลิเวอรีชาไทย Specialty แตะ 4 แสนแก้วในปี 2024 เติบโต 81% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของเทรนด์ชาไทย Specialty มีจำนวนร้านมากที่สุด คิดเป็น 46% ของทั้งประเทศ
อนาคตของตลาดชาไทย Specialty:
คุณแพร กล่าวเสริมว่า หากเราสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของชาไทยได้ดี และมีปัจจัยสนับสนุน เช่น การพัฒนาเมนูใหม่ การขยายตลาด หรือการผลักดันจากแบรนด์ใหญ่ โอกาสที่ชาไทย Specialty จะได้รับความนิยมเทียบเท่ากาแฟ Specialty ก็อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ตลาดชาไทย Specialty กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพสูงที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่ม Specialty ในอนาคต การสนับสนุนจากผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้ชาไทย Specialty เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในระดับโลก