สินทรัพย์นอกตลาด (Private Assets) ทำไมถึงน่าลงทุน?

สินทรัพย์นอกตลาด (Private Assets) ทำไมถึงน่าลงทุน?

สินทรัพย์นอกตลาด (Private Assets) คือ สินทรัพย์ที่ไม่ได้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และไม่มีการกำหนดราคาโดยการแลกเปลี่ยนในตลาด สินทรัพย์เหล่านี้ถือว่าอยู่นอกขอบเขตของหลักทรัพย์แบบดั้งเดิม รวมถึงการลงทุน เช่น หุ้นเอกชน หนี้ภาคเอกชน อสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน สินทรัพย์นอกตลาดช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าในระยะยาวเมื่อเทียบกับสินทรัพย์สาธารณะ โดยมีความผันผวนน้อยกว่าและมีการกระจายความเสี่ยงในระดับที่สูงกว่า ทั้งนี้อาจต้องใช้ระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานขึ้นและความรอบคอบมากขึ้น โดยสินทรัพย์นอกตลาดอาจรวมถึงหุ้นภาคเอกชน สินเชื่อส่วนบุคคล อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์หรือที่อยู่อาศัย และสินทรัพย์ส่วนบุคคลจริง ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนในการกระจายพอร์ตการลงทุนและจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

แล้ว สินทรัพย์นอกตลาด หรือ (Private Assets) ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไร

1.ทำให้เกิดการลงทุนข้ามพรมแดน เกิดการรวมบริษัทและอุตสาหกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันได้

    2.การลงทุนในหุ้นเอกชนในบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะ SMEs จะช่วยเปลี่ยนระบบการทำงานของ SME ให้บริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เข้าถึงแหล่งเงินทุน และขับเคลื่อนการเติบโตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มผลผลิตและการสร้างงาน

    3.การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของเอกชนในสินทรัพย์ เช่น ทางด่วน โรงไฟฟ้า และเครือข่ายการสื่อสาร ช่วยให้กระแสเงินสดมีความมั่นคงและป้องกันอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง

    4.การลงทุนในสินทรัพย์ส่วนบุคคล เช่น อสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อส่วนบุคคล จะช่วยเติมเต็มช่องว่างทางการเงิน เพราะการปล่อยกู้ของธนาคารแบบดั้งเดิมมีข้อจำกัด

    5.อุตสาหกรรมหุ้นนอกตลาดได้รับการแสดงให้เห็นว่ามีผลกระทบเชิงบวกต่อการจ้างงาน แม้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ โดยการสร้างความเป็นมืออาชีพและการเติบโตของบริษัทที่พวกเขาลงทุนด้วย

    6.สินทรัพย์นอกตลาดสามารถให้ความหลากหลายและมีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นแก่นักลงทุน ช่วยเสริมสร้างพอร์ตการลงทุนและความมั่นคงทางการเงิน

    โดยรวมแล้ว จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความสามารถในการแข่งขัน และเสถียรภาพ

    ทำไมถึงควรลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด

    การกระจายความเสี่ยง: สินทรัพย์นอกตลาดมีความสัมพันธ์เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยกับตลาดแบบดั้งเดิม ช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายพอร์ตการลงทุนของตนและลดความเสี่ยงโดยรวมด้วยการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ

    ผลตอบแทนที่สูงขึ้น: สินทรัพย์นอกตลาดมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับตลาดแบบดั้งเดิม เนื่องจากระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้น ทำให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนที่มากขึ้น

    โอกาสการลงทุนที่ไม่ซ้ำกับใคร: สินทรัพย์นอกตลาดให้การเข้าถึงโอกาสในการลงทุนที่ไม่มีให้ผ่านการลงทุนแบบดั้งเดิม เช่น บริษัทสตาร์ทอัพเกิดใหม่ อุตสาหกรรมเฉพาะกลุ่ม และสินเชื่อเฉพาะทาง ทำให้นักลงทุนมีโอกาสที่จะลงทุนในกิจการที่มีลักษณะเฉพาะและอาจมีกำไร

    ความมั่นคงและการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ: สินทรัพย์ เช่น โครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ในตลาดเอกชนสามารถให้ความมั่นคงและทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมักเกี่ยวข้องกับสัญญาระยะยาวที่สร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง ในขณะที่อสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงผ่านค่าเช่า ช่วยให้นักลงทุนลดความผันผวนและรักษากำลังซื้อได้

    การเข้าถึงที่เพิ่มมากขึ้น: สินทรัพย์นอกตลาดไม่ได้จำกัดเฉพาะนักลงทุนสถาบันและสำนักงานครอบครัวอีกต่อไป และนักลงทุนทั่วไปจะเข้าถึงได้มากขึ้น แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอดีตที่พบในตลาดหุ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่นักลงทุนในวงกว้าง

    โดยสรุป การลงทุนในสินทรัพย์ส่วนตัวสามารถเพิ่มการกระจายพอร์ตการลงทุน อาจทำให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ให้การเข้าถึงโอกาสที่ไม่เหมือนใคร ให้ความมั่นคง และทำหน้าที่เป็นการป้องกันความเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม

    4 กลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด

    Leveraged Buyouts: คือการลงทุนในตราสารทุนในธุรกรรมที่บริษัท หน่วยธุรกิจ หรือสินทรัพย์ได้รับมาจากผู้ถือหุ้นเดิม หรือการลงทุนในบริษัทที่เติบโตเต็มที่และมีกระแสเงินสดที่มั่นคง

    Growth Capital: คือการลงทุนในตราสารทุนในบริษัทที่ค่อนข้างเติบโตซึ่งกำลังมองหาเงินทุนสำหรับการขยาย การปรับโครงสร้างการดำเนินงาน การเข้าสู่ตลาด หรือการเข้าซื้อกิจการเพิ่ม ซึ่งบริษัทเหล่านี้ต้องการเงินทุนสำหรับการพัฒนาธุรกิจ

    Venture Capital: การลงทุนในสตาร์ทอัพ ระดับ Seed ที่เริ่มพัฒนาในระยะเริ่มต้น หรือที่ผ่านช่วง Seed มาแล้ว ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้โดยมากจะทำธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ การตลาดรูปแบบใหม่ๆ ที่มีคู่แข่งในตลาดน้อย

    Fund of Funds: การลงทุนในกองทุนหุ้นนอกตลาดอื่น ๆ ที่ให้การกระจายความเสี่ยง ความเสี่ยงที่ต่ำกว่า การเข้าถึงกองทุนที่มีผลงานดีที่สุด และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางสำหรับนักลงทุนที่อาจขาดเงินทุนสำหรับการกระจายพอร์ตการลงทุนรายบุคคล

    KBank Private Banking เผยกลยุทธ์ฝ่ามรสุมตลาดทุนปี 2567 ชู ‘สินทรัพย์นอกตลาด’ ปลดล็อกทางเลือกลงทุน พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว

    Related Posts

    Scroll to Top