SCB CIO มองแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น หนุนลงทุนกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ (เทอมฟันด์) โอกาสรับผลตอบแทนที่จูงใจมากขึ้น ชี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เจาะกลุ่มลูกค้าเวลธ์ ที่ต้องการเน้นรับกระแสเงินสดในช่วงเวลาที่ชัดเจน เปิดจำหน่ายระหว่างวันที่ 11–16 มกราคม นี้ มีอายุโครงการให้เลือกตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือนและ 1 ปี ผลตอบแทนประมาณ 1.10%, 1.45% และ 1.75% ตามลำดับ
ศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย SCB Chief Investment Office (SCB CIO ) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทกำหนดอายุโครงการ (เทอมฟันด์) มีความน่าสนใจมากขึ้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำในตลาดจะปรับขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ก็ยังน้อยกว่า เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเทอมฟันด์
SCB CIO มองว่า หากผู้ลงทุนที่มีเงินลงทุนสูง ( High Net Worth Individuals ) ต้องการลงทุนเพื่อคาดหวังกระแสเงินสดที่ชัดเจน ตามระยะเวลาที่กำหนด และเป็นการลงทุนที่ไม่ผันผวนจนเกินไป กองทุนตราสารหนี้ประเภทเทอมฟันด์นับเป็นทางเลือกที่ดี โดยกองทุนประเภทดังกล่าวที่ธนาคารไทยพาณิชย์เสนอขาย อยู่ภายใต้การบริหารและจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ภาวะตลาดตราสารหนี้มีความผันผวนก็ตาม เนื่องจากผู้จัดการกองทุนได้คัดเลือกตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ เช่น ลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ของสถาบันการเงินที่มีอันดับเครดิตอยู่ในระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) และลดความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้จากตราสารที่เลือกลงทุน โดยเน้นตราสารที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตเรตติ้งอยู่ในระดับสูง
–กรุงศรี จับมือ Stripe ขยายขอบข่ายการให้บริการโซลูชันการเงินดิจิทัลในประเทศไทย
โดยจุดเด่นของกองทุนตราสารหนี้ประเภทเทอมฟันด์ ที่เสนอขายอย่างต่อเนื่อง และในขณะนี้นั้น แตกต่างจากที่อื่นๆ คือ มีให้เลือกลงทุนได้มากถึง 3 ช่วงอายุโครงการ คือ 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการกระแสเงินสดของผู้ลงทุนแต่ละบุคคลตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้
ทั้งนี้ กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทเทอมฟันด์ที่อยู่ในระหว่างการเสนอขาย ในวันที่ 11-16 มกราคม 2566 ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ต่างประเทศ เอเอส 3ME4 อายุโครงการประมาณ 3 เดือน และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ต่างประเทศ เอเอส 6 MR9 อายุโครงการประมาณ 6 เดือน และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ต่างประเทศ เอเอส 1YE7 อายุโครงการประมาณ 1 ปี เสนอขายตั้งแต่วันที่ 4 – 16 มกราคม 2566
ทั้ง 3 กองทุน ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย เงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท กองทุนเหล่านี้มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และ/หรือตราสารหนี้รัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้สถาบันการเงิน ตราสารหนี้ภาคเอกชน รวมถึงตราสารหนี้อื่นใดที่เสนอขายในต่างประเทศ เงินฝากต่างประเทศ และมีการลงทุนที่ส่งผลให้มี Net exposure ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
สำหรับทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว คาดว่าจะลงทุนในเงินฝากธนาคารในต่างประเทศ ประกอบด้วย ธนาคาร China Construction Bank (CCB) ธนาคาร Qatar National Bank (QNB) ธนาคาร Doha Bank (DOHA) และธนาคาร Commercial Bank of Qatar (CBQ) บัตรเงินฝาก The Saudi National Bank, Singapore Branch และตั๋วแลกเงินของบริษัทจดทะเบียนในไทย ซึ่งมีอันดับเครดิตเรตติ้ง อยู่ในระดับที่ลงทุนได้ หรือ Investment Grade โดยกองทุนอายุ 3 เดือน ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 1.10% อายุ 6 เดือน อยู่ที่ประมาณ 1.45% ต่อปี และอายุ 1 ปี อยู่ที่ประมาณ 1.75% ไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน ที่จะได้รับดอกเบี้ยประมาณ 0.62% ต่อปี ฝากประจำ 6 เดือน ดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 0.70% ต่อปี และฝากประจำ 12 เดือน ดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 1.00% ต่อปี