ทิศทางเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณของความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยแม้ว่าจะมีความคาดหวังในเชิงบวกต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่จนถึงขณะนี้ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้หรือมีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา ในขณะเดียวกัน กรณีอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก็ยังไร้ข้อสรุปและยังคงเป็นความท้าทายต่อเศรษฐกิจโลก ประเด็นต่างๆ ดังกล่าว รวมทั้งแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จะสร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า หลังจากที่ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2562 การส่งออกที่ไม่รวมรายการยุทโธปกรณ์ของไทย สะท้อนภาพที่ไม่สดใสนัก
เมื่อพิจารณาปัจจัยภายในประเทศ ก็ยังคงต้องรอความชัดเจนทางการเมืองและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่หลังวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 โดยภารกิจแรกของรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 แล้ว เป็นที่คาดหวังว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ดี เนื่องจากภาพการส่งออกที่เติบโตชะลอกว่าที่เคยประเมินไว้ โดยที่ประชุม กกร. ประเมินว่า การส่งออกในปี 2562 อาจขยายตัวประมาณ 3.0-5.0% (จากเดิมคาดไว้ที่ 5.0-7.0%) ส่งผลให้ กกร. ทบทวนปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2562 มาเป็น 3.7-4.0% (จากเดิมคาดไว้ที่ 4.0-4.3%) ส่วนมุมมองต่ออัตราเงินเฟ้อ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2562 จะอยู่ที่ 0.8-1.2%
ขณะนี้ทาง กกร. ได้ทำการศึกษาโครงการ National Digital Trade Platform เพื่อให้การรับรองการขยายตัวและอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งการนำเข้า-ส่งออกของไทยผ่านระบบ Digital โดยมีผู้เกี่ยวข้องได้แก่ ภาครัฐ,ภาคการค้าบริการ, ภาคการผลิต, ภาคการธนาคาร, การขนส่ง และการประกันภัย ทั้งนี้โครงการนี้จะทำการเชื่อมต่อกับ NSW เพื่อให้ครบวงจรระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการรับส่งข้อมูลในการค้าและการส่งออก ซึ่งจะได้ประโยชน์ในด้าน Ease of Doing Business ของไทยด้วยโดยทาง กกร. ได้หารือร่วมกับทาง กพร. ดำเนินการขับเคลื่อนในส่วนของภาครัฐและในภาพระดับภูมิภาค กกร. ได้นำเสนอโครงการนี้นำร่องใน ASEAN และ APEC เพื่อให้เกิดการรับส่งข้อมูลการค้าในระบบดิจิทัลระหว่างประเทศต่อไป
กกร. ร่วมกับ กรมสรรพากร จัดงานสัมมนา”มาตรการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดทำบัญชีให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการภายใต้การบูรณาการร่วมกัน 5 หน่วยงานร่วม” ในวันที่ 22,24,26 เมษายน 2562 ในภูมิภาคต่างๆ ในต่างจังหวัด และวันที่ 30 เมษายน 2562 ใน กทม