ตลาดทุน หวังนายกเร่งจัดตั้งรัฐบาล สานต่อเมกะโปรเจ็ก และกระตุ้นบริโภค หลังดัชนีเชื่อมั่นมิ.ย. ดิ่ง 16 % เหตุกังวลสงครามการค้า

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือนมิถุนายน ลดลงถึง 16.56 % มาอยู่ที่ระดับ 87.20 โดยอยู่ในระดับทรงตัวเป็นเดือนที่ 3 เพราะนักลงทุนยังวิตกกังวลกับความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐ และจีน รวมถึงเม็กซิโกที่สหรัฐเริ่มเปิดศึกด้วย

ขณะนี้ปัจจัยการเมืองในประเทศ ภาคตลาดทุนเชื่อว่า พลเอกประยุทธ์ น่าจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี หากผลออกมาแบบนี้น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับตลาดทุน เพราะจะได้มีรัฐบาลเข้ามาดูแลปัญหาจริงจัง เพราะขณะนี้เศรษฐกิจเริ่มได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หากได้นายกรัฐมนตรีก็จะมีการรัฐบาล ตั้งทีมคณะรัฐมนตรีเพื่อที่จะผลักดันนโยบายต่างๆ นักลงทุนก็ไม่อยากเห็นการเมืองเปลี่ยนบ่อยๆ ในช่วงเวลานี้ หากมีพรรคใดพรรคหนึ่งบริหารจัดการไปได้ก่อน ก็คงจะเป็นเรื่องดีกว่า อย่างไรก็ตามประเด็นการเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ก็ต้องติดตามดูว่าจะบริหารจัดการภายในกระบวนการสภาอย่างไร ซึ่งภาคตลาดทุนก็เป็นห่วงด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการหลังเสร็จสิ้นกระบวนการเลือกนายกฯ คือฟอร์มทีมเศรษฐกิจ และสานต่อนโยบายลงทุนเมกะโปรเจ็คต่างๆ เพราะไทยไม่ได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมาสักพักแล้ว โดยเฉพาะโครงการ eec ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้ ส่วนต่อมาคือการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภค ซึ่งเป็นส่วนสำคัญเนื่องจากการส่งออกคงจะชะลอตัวอีกสักพัก จากสงครามการค้า

Scroll to Top