“กัญชง กัญชา” จากไทยพร้อมก้าวสู่เวทีโลกได้จริง! “ดร.เอมอร โคพีร่า” เปิดตัว “ศูนย์วิจัยนวัตกรรมกัญชงระดับโลก” ในประเทศไทย นับเป็นแห่งแรกนอกประเทศสหรัฐฯ หลังประสบความสำเร็จมาแล้วถึง 3 ศูนย์วิจัยในอเมริกา หวังขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ระดมนักวิจัยชั้นนำของโลกร่วมปั้นผู้ประกอบการและผลิตภัณฑ์กัญชงกัญชาไทยก้าวขึ้นสู่การเป็น HUB กัญชงกัญชาแห่งเอเชียให้ได้
ดร.เอมอร โคพีร่า ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร Geneomics Global, USA เปิดเผยในโอกาสนำคณะผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชง กัญชา ระดับโลก เข้าร่วมสัมมนาวิชาการนานาชาติ Cannabis International Conference 2022 Thailand โดยระบุว่า จากความสำเร็จในการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการร่วมศึกษาวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชง กัญชา อีก 3 สาขา ประกอบด้วย Prof. Dr. Jay Noller เชี่ยวชาญ ทางด้านนวัตกรรม กัญชง กัญชา เป็นผู้ค้นพบสารจากกัญชง กัญชา ใช้สร้างสูตรมาส่งเสริมการรักษา COVID 19, Dr. Gerard Rosse ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการสกัด และการทำให้สารจากกัญชงกัญชาบริสุทธิ์ และ Mr. Billy Morrison ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการปลูกและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี
–มิตซูบิชิ มอเตอร์ส อวดโฉม เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ที่งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43
–หุ้นกู้ดิจิทัล MINT E-Bond ผ่าน “เป๋าตัง” ปิดยอดจองกว่า 2,000 ล้าน
ในโอกาสนี้ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นแหล่งปลูกและแหล่งรวมของสายพันธุ์กัญชงและกัญชาชั้นเลิศ จึงเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งหากประเทศไทยสามารถก้าวสู่ผู้นำแถวหน้าของโลกในการเป็นผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสารสกัดกัญชงและกัญชา โดยเล็งเห็นว่าความพร้อมของประเทศไทยในเวลานี้หากนำองค์ความรู้และการใช้วิทยาศาสตร์ขับเคลื่อนคาดว่าประเทศไทยจะกลายเป็นฮับ (HUB) กัญชง กัญชา แห่งเอเชียได้ จึงเป็นโอกาสดีที่คณะผู้เชี่ยวชาญได้ร่วมลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลในจังหวัด จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย รวมทั้งการร่วมเสวนาในเวทีวิชาการระดับนานาชาติเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ร่วมกันกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กัญชงกัญชาระดับชาติ
ดร.เอมอร ยังกล่าวอีกว่า หัวใจสำคัญในการพัฒนาให้เกิดการยอมรับในระดับโลกได้นั้น กระบวนการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะต้องอยู่บนหลักพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ การค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้องค์ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดนั้นจะต้องอ้างอิงความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดจริง เพราะหากเราสามารถสร้างมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรมกัญชงและกัญชาในประเทศไทยให้เกิดการยอมรับด้วยมาตรฐานสากลตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ทั้งในส่วนอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร พลังงานและเคมีชีวภาพ การแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยว
ซึ่งการบูรณาการทั้ง 4 อุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน จากข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ (สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม) ได้ระบุถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มขนาดใหญ่ของประเทศ ที่มีสัดส่วนใน GDP ถึง 21% และเกี่ยวข้องกับอาชีพและการจ้างงานของคนในประเทศมากกว่า 16.5 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม การจะสร้างมาตรฐานด้านกัญชงและกัญชาของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกได้นั้น ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ด้วยข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่ล้วนเกิดจากการศึกษาวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน เพราะเรื่องของกัญชงกัญชาเป็นวาระการแข่งขันในระดับโลกที่กลุ่มอุตสาหกรรมในหลายประเทศต่างขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเต็มที่เช่นกัน และก็กำลังเฝ้ามองการเดินหน้าของประเทศไทยว่าจะสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำในเรื่องนี้ได้อย่างไร ดังนั้นหากเราเกิดการสะดุดหรือขาดการยอมรับในระดับสากลแล้ว อาจส่งผลต่อการเสียต่อโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้
“การตัดสินใจเข้ามาตั้งศูนย์ Global Hemp Innovation Collaboration ในประเทศไทย นับว่าเป็นการตั้งสาขาแรกนอกประเทศสหรัฐฯ ของ Geneomics Global อีกทั้งยังนับเป็นสาขาที่ 4 ของเราโดยทั้ง 3 สาขาก่อนหน้านั้นได้ตั้งอยู่ที่ Oregon state, Hawaii และ California ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งศักยภาพของศูนย์ฯแห่งนี้ พร้อมที่จะคิดค้นวิจัยและต่อยอดเพื่อสร้างสูตรการผลิตให้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ด้านวัสดุจากเส้นใยกัญชง หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ บนพื้นฐานงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล เนื่องจากการแข่งขันในตลาดโลกได้นั้น มาตรฐานการแข่งขั้นจะต้องได้รับการยอมรับในด้านความถูกต้องทางวิทยาศาตร์และข้อมูลการวิจัยที่ได้ผลจริงมีแหล่งอ้างอิงที่ถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นสำคัญ มากกว่าการใช้ความรู้เพียงบางส่วนหรือข้อมูลที่ยังคลุมเครือ เพราะหากเป็นเช่นนั้นเราอาจสูญเสียความเชื่อมั่น ไม่ได้รับการยอมรับ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กัญชงกัญชาของประเทศไทยสะดุดได้ในที่สุด จึงอยากให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับการใช้องค์ความรู้จากวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาเป็นสำคัญ” ดร.เอมอร กล่าว
สำหรับศูนย์ Global Hemp Innovation Collaboration ในเมืองไทยนั้นถือเป็นสาขาที่ 4 ของ Geneomics Global, USA ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ภายใต้ชื่อ Geneomics Global Co.,Ltd โดยมุ่งเน้นบริหารให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำธุรกิจกัญชง-กัญชาอย่างครบวงจรเป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมทั้งการขยายธุรกิจร่วมกับวิสาหกิจชุมชน ภายใต้การกำกับดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของ กัญชง-กัญชาในเอเชีย และเพื่อยกระดับเกษตรกรไทยให้ดีขึ้นตามพันธกิจที่ต้องการอีกด้วย