กรมทางหลวง เตือนระวังขับขี่ต่ำกว่า 90 กม./ชม. วิ่งเลนขวาสุด สาเหตุสำคัญการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน แนะใช้ความเร็วที่เหมาะสมตามแต่ละช่องจราจรกำหนด พร้อมขานรับนโยบายรัฐบาล ลุยสำรวจแก้ไขจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ ไฟฟ้าแสงสว่างเส้นทาง ป้ายจราจร เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางเทศกาลสงกรานต์ 2563
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า การใช้ความเร็วรถยนต์ที่ต่ำกว่า 90 กม./ชม. ในช่องทางขวาสุดของถนนทางหลวง 4 ช่องทาง เป็นสาเหตุสำคัญของการอุบัติเหตุอันดับที่ 2 หรือคิดเป็นสัดส่วน 30 % ของการเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด รองจากการเสียหลักตกข้างทาง ซึ่งมีสัดส่วนที่ 45% นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนน ดังนั้น ผู้ขับขี่ควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมตามแต่ละช่องจราจรกำหนดเพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวทั้งนี้ การกำหนดความเร็วที่เหมาะสมสำหรับในแต่ละช่องจราจร กำหนดให้ช่องขวาสุดเป็นช่องทางที่ให้รถยนต์ใช้ความเร็วได้สูงสุด และจะให้รถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่า 90 กม./ชม.อยู่ในช่องทางอื่นๆ ทางด้านซ้ายโดยกำหนดความเร็วลดหลั่นลงมาตามลำดับ การกำหนดในลักษณะนี้จะช่วยให้รถยนต์ที่วิ่งช้าไม่ทำให้ความเร็วเฉลี่ยของการจราจรในภาพรวมของถนนลดลงมากนัก และไม่เกิดการสะสมชะลอตัวนอกจากนั้น
วิธีการดังกล่าวจะช่วยลดการเปลี่ยนช่องจราจรที่ไม่จำเป็นลงได้ด้วย ซึ่งจะเป็นการช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุการเฉี่ยวชนและการแซงในระยะกระชั้นชิดได้ เนื่องจากช่องทางขวาสุดมีไว้สำหรับรถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ดั้งนั้น เมื่อมีการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 90 กม./ชม. ในช่องทางดังกล่าว จังหวะที่รถยนต์คันที่ตามหลังมามีการเบี่ยงแซงไปช่องทางซ้ายจะเกิดจุดบอดที่คนขับรถยนต์ซึ่งอยู่ในตำแหน่งขวามองไม่เห็น จึงมีโอกาสสูงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุพุ่งชนกับรถยนต์ที่วิ่งมาในช่องทางซ้ายด้านหน้า “การกำหนดช่วงความเร็วในแต่ละช่องจราจรเป็นช่วงสูงสุด-ต่ำสุด จะช่วยทำให้เกิดความแตกต่างของความเร็วในแต่ละช่องทางน้อยลง ลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายจากความเร็วที่แตกต่าง และการเปลี่ยนช่องจราจรซึ่งเป็นสาเหตุการเกิอุบัติเหตุที่สูงเป็นลำดับที่ 2 ของการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น ผู้ขับขี่ควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมตามแต่ละช่องจราจรกำหนด เพื่อลดอุบัติเหตุ” นายสราวุธ กล่าว
นายสราวุธ กล่าวด้วยว่า กรมทางหลวงและหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ ได้แก่ สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวง เตรียมเร่งดำเนินการตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีความห่วงใยในการใช้รถใช้ถนนทุกช่วงเวลา เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ และปัญหาการจราจรติดขัด โดยสั่งการให้กรมทางหลวงสำรวจจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และแก้ไขจุดเสี่ยงให้ครบถ้วน สำรวจไฟฟ้าแสงสว่างในเส้นทางต่างๆ และปรับปรุงป้ายจราจร หมุดสะท้อนแสง เส้นจราจรให้เห็นชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน ตลอดจนให้เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2563 พร้อมนำเทคโนโลยีหรือใช้โดรนมาบริหารจัดการจราจรในทุกสถานการณ์ไม่เฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น รวมทั้งให้จัดทำแผนการปลูกต้นไม้ริมทางหลวงตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
กระทรวง อว. โดย NIA จับมือ ธนาคารออมสิน เปิดตัวหลักสูตร "Entrepreneurship & Green Business Design" มุ่งเสริมศักยภาพ SME, สตาร์ตอัพ…
AIS ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI และ Autonomous Network มาเสริมความแข็งแกร่งของโครงข่ายอัจฉริยะทั้งโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตบ้าน เพื่อดูแลคุณภาพเครือข่ายแบบเรียลไทม์ รองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในช่วงเทศกาลสำคัญนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น อาทิ ถนนสายหลัก…
ฟอร์ติเน็ต (Fortinet) ประกาศความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (มทร.ล้านนา) และหน่วยวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยไซเบอร์ AIoT เปิดตัวหลักสูตรประกาศนียบัตร "ปัญญาประดิษฐ์สำหรับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์" ภายใต้โครงการบัณฑิตพันธุ์ใหม่ โดยเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมอบรมฟรี เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจพื้นฐานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการป้องกันภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน…
ทรู คอร์ปอเรชั่น (True) ขานรับเทศกาลมหาสงกรานต์ 2568 "Maha Songkran World Water Festival 2025" เตรียมพร้อมเครือข่ายมือถือ 5G, 4G, WiFi…
แคนนอน (Canon) ประกาศเปิดตัวเครื่องพิมพ์เลเซอร์ imageCLASS รุ่นใหม่ล่าสุด จำนวน 5 รุ่น ซึ่งออกแบบมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสำนักงานขนาดเล็กและกลุ่มงานในองค์กรขนาดใหญ่โดยเฉพาะ โดยประกอบด้วยเครื่องพิมพ์ขาวดำ 2 รุ่น ได้แก่ imageCLASS LBP171dn…
ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทในภาคส่วนต่างๆ ของตลาดแรงงาน หลายคนอาจกังวลถึงโอกาสในการทำงานของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยหลายแห่งยืนยันว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน และยังไม่สามารถทดแทนทักษะที่สำคัญของมนุษย์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "Soft Skills" ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บุคลากรยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานปัจจุบัน องค์กรชั้นนำในปัจจุบันไม่ได้มองหาเพียงผู้ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง…
This website uses cookies.