กรุงเทพฯ จะเป็นเมืองที่มีผู้ใช้สกุล Libra อันดับหนึ่งของโลก

ผู้เชี่ยวชาญสกุลเงินดิจิทัล ชี้กรุงเทพจะเป็นเมืองที่ใช้สกุลเงิน Libra สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ชี้ธนาคารพาณิชย์ต้องเร่งปรับตัวหนัก และเลือกเป็นพันธมิตรเพื่อรักษาปริมาณธุรกรรมให้คงไว้

ในงานเสวนา Libra สกุลเงินเปลี่ยนโลกสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล จัดโดยสถาบันเศรษฐศาสตร์ วิทยาลัยรัฐศาสตร์เศรษฐศาสตร์ และโลกาภิวัตน์ มหาวิทยาลัยรังสิต นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้ง และ Group CEO บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินดิจิทัล เผยว่า กรุงเทพฯ มีโอกาสที่จะกลายเป็นเมืองที่มีผู้ใช้สกุลเงิน Libra สูงที่สุดของโลก เนื่องจากปัจจัยที่จะทำให้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลาย มาจากเครือข่ายและจำนวนผู้ใช้ Facebook ซึ่งปัจจุบันกรุงเทพเป็นแชมป์อันดับ 1 ของเมืองที่มี Account Facebook สูงที่สุดของโลกคือ 25 ล้านคน ขณะที่ในภาพรวมของประเทศไทยก็เป็นประเทศที่มีการใช้ Facebook สูงเป็นอันดับที่ 7 ของโลกหรือกว่า 52 ล้านคน อีกทั้งสกุลเงิน LIbra ที่มี Facebook เป็นผู้ก่อตั้งร่วม ก็ได้พยายามที่จะหาพันธมิตรเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มี 27 ราย ปีหน้าก็ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 100 ราย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหลากหลายในการใช้งานมากขึ้น

ในมุมผู้ใช้ก็จะได้รับความสะดวกในการโอนจ่ายเงิน โดยที่ไม่เสียค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งปัจจุบันนี้การชำระผ่านบัตรเครดิตออนไลน์ ก็ยังมีค่าธรรมเนียมกว่า 2-3 % ที่ผู้ขายต้องรับภาระ ขณะที่การโอนเงินระหว่างประเทศ มีค่าธรรมเนียมเฉลี่ยสูงถึง 7 %

ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ธนาคารกลางหลากหลายประเทศ แสดงความกังวลต่อการถือกำเนิดขึ้นของสกุลเงินดังกล่าว เพราะมีความเสี่ยงที่จีดีพีจะไหลไปอยู่ในสกุลเงิน LIbra แทน ทั้งนี้เห็นว่าแนวทางที่แบงก์ชาติแต่ละประเทศ จะสามารถทันต่อการเปลี่ยนแปลงได้มี 2 แนวทาง 1 คือการเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับสกุลเงินดังกล่าว เพื่อที่จะสามารถมีส่วน ในการดูแลพฤติกรรมการโอนเงิน และพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลได้ 2 คือการสร้างสกุลเงินดิจิทัลขึ้นเป็นของตัวเอง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีต้นทุนสูงกว่าแนวทางแรกมาก อีกทั้งปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีกฎหมายด้านสกุลเงินดิจิตอลรองรับ โดยมีกลต. เป็นผู้กำกับดูแลเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ภาคสถาบันการเงินภายในประเทศจะต้องมีการปรับตัวอย่างหนัก เพราะแม้ปัจจุบันนี้จะมีระบบการโอนและชำระเงินในระบบดิจิทัล แต่ยังเป็นการโอนชำระในรูปแบบเงินบาทซึ่งเป็นระบบปิดแตกต่างจากสกุลเงิน Libra ซึ่งเป็นระบบเปิดซึ่งทำให้มีการโอนชำระเงินกันได้ทั่วโลก จึงควรเลือกที่จะเป็นพันธมิตรมากกว่าปิดกั้น

ซึ่งแม้หลายฝ่ายอาจจะมองประเด็นในเรื่องความปลอดภัยของสกุลเงินดังกล่าว ว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวล จัดการที่ Facebook เคยถูกแฮ็คข้อมูล และมีการนำข้อมูลลูกค้าไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ แต่จากการที่สกุลเงินนี้ ไม่ได้มี Facebook เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แต่มีพันธมิตรที่น่าเชื่อถือหลายรายรวมถึงบริษัทชำระเงินชั้นนำของโลกอย่าง มาสเตอร์การ์ดและวีซ่าก็ ทำให้มั่นใจได้ว่าระบบเงินดังกล่าวมีความปลอดภัยอยู่พอสมควร

Scroll to Top