“คอมเซเว่น” มั่นใจยอดขายปี 2561 โตตามเป้าหมาย ระบุตลาดสมาร์ทโฟนในไทยขยายตัวได้ตามคาด เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นและมีอัตราการเปลี่ยนรุ่นสินค้าสูง ชูยอดขายไตรมาส 4 สูงสุดของปีรับไฮซีซัน พร้อมยันกรณี “แอปเปิล อิงค์” หั่นประมาณการยอดขายไอโฟนล่าสุดไม่กระทบผลประกอบการรวม
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจปี 2561 เป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ สอดรับกับการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากสมาร์ทโฟนจัดเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อผู้บริโภคค่อนข้างมาก และเป็นสินค้าที่มีอัตราการเปลี่ยนรุ่นค่อนข้างสูง หลังจากที่มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 4/2561 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าได้เห็นการเติบโตที่น่าพอใจ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของตลาดสมาร์ทโฟน รวมไปถึงสินค้าอิเล็คทรอนิกส์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ประกอบกับเป็นช่วงที่มีการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ค่อนข้างมาก
“ส่วนกรณีที่มีความกังวลต่อความนิยมของสินค้าแอปเปิล หลังจากที่บริษัท แอปเปิล อิงค์ ให้ข้อมูลเรื่องการปรับลดประมาณการยอดขายและรายได้นั้น ไม่กระทบกับผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทฯ แน่นอน เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้จำหน่ายสินค้าแอปเปิลในประเทศไทย ซึ่งยังเติบโตอยู่ แม้ว่ากระแสไอโฟนรุ่นใหม่ อาจจะไม่เติบโตเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับรายได้ของประชากรไทยโดยเฉลี่ย แต่ยังคงมียอดขายที่ดีอยู่ ขณะเดียวกันบริษัทมีการกระจายพอร์ตการจำหน่ายสินค้า เพื่อลดความเสี่ยงการพึ่งพารายได้จากสินค้าใดสินค้าหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนแล้ว และบริษัทยังได้เพิ่มกลยุทธ์ ด้วยการสั่งสินค้าไอโฟนรุ่นเก่า มาขายอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อปานกลาง ทั้งนี้ยอดขายสินค้าอื่นของ Apple ยังคงเติบโตมากกว่า 2 digit ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Apple เช่น MacBook, Apple Watch, iPad และทุกพอร์ตธุรกิจของ COM7 ก็มีการเติบโตดี โดยสังเกตได้จากช่องทางการจำหน่ายสินค้าของบริษัท ที่มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าอื่นที่ไม่ใช่ Apple เช่นร้าน BaNANA, BKK และล่าสุด KingKong Phone ซึ่งรวมกันมีมากกว่า 500 สาขา ในขณะที่ร้าน Studio7 มี 100 สาขา” นายสุระกล่าว
โดยในปี 2560 มีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มสินค้าโทรศัพท์มือถือ 54% ไอที 27% อุปกรณ์เสริม 17% และรายได้จากการให้บริการ 2%