นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมือง ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) คาดการณ์อุตสาหกรรมประกันชีวิตในปีนี้ คาดว่าขยายตัว 6 % โดยยังมีโอกาสเติบโตได้มากในประเทศไทย เนื่องจากคนไทยให้ความสำคัญกับการทำประกันชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะประกันที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและโรคเรื้อรัง ประกอบกับสัดส่วนการทำประกันชีวิตของคนไทยยังต่ำ อยู่ที่39 ถึง 40% ของประชากรทั้งหมด บวกกับบริษัทประกันชีวิต ปรับตัวออกผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจกับความต้องการเฉพาะทางของลูกค้า และลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยน กรมธรรม์ เพิ่มลดสัดส่วนการลงทุน ได้ตามความต้องการ เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้น ขณะเดียวกันเชื่อว่าปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีกว่าปีก่อน โดยคาดว่าเศรษฐกิจเติบโต 4.1% สอดคล้องไปกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ดีขึ้นซึ่งจะทำให้ธุรกิจประกันชีวิตมีเสถียรภาพดีขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 บริษัทมีเบี้ยรับรวม อยู่ที่ 102,681 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จาก 97,013 ล้านบาทในปี 2559 และถือเป็นหนึ่งใน 2บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยรับรวมทะลุ 100,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มในปีนี้ คาดว่าจะทำกำไรมากกว่า 8,300 ล้านบาท และแม้กระแสเงินดิจิทัลจะได้รับความนิยมสูง แต่ทางบริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะเข้าไปลงทุนในเงินดิจิทัลรวมทั้งบิทคอยน์ แต่จะมีการปรับการ บริหารจัดการในองค์กร โดยมีการแยกสายงานดิจิทัล เพื่อทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งมีการนำ เทคโนโลยีบล็อกเชน , AI , Internet of Thing เป็นต้นเข้ามาช่วยในการบริการลูกค้า พร้อมกันนี้จะ เพิ่มทักษะการทำงานของพนักงาน ให้มีความสามารถรอบด้าน ยืนยันบริษัทไม่มีนโยบายในการปลดพนักงาน แต่จะไม่เพิ่มจำนวนพนักงาน หรือหากจะมีการจ้างใหม่ เฉพาะตำแหน่งที่มีความจำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ คาดหวังว่าภายในปีนี้จะได้รับใบอนุญาตในประเทศเมียนมา และจะขยายไปยังประเทศ อินโดนีเชีย มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ โดยเป็นลักษณะการร่วมลงทุนกับพันธมิตร ที่มีความแข็งแกร่ง และมีเน็ตเวิร์คที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมประกันชีวิตของไทยมีการเติบโตเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์
