จุฬาฯ ฟันธงเทรนด์ธุรกิจ 2561 แห่ลงทุน AI,IOT,BIG DATA เสริมแกร่งเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ

รศ.ดร. พสุ เดชะรินทร์ คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดการสัมมนาประจำปี “ฟันธงธุรกิจไทย 2561” โดยระบุว่า ขณะนี้ทิศทางบริหารธุรกิจของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมมุ่งประเมินธุรกิจด้วยความสำเร็จด้านตัวเลขการเงิน ผลประกอบการ สินทรัพย์ และมูลค่าธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ขณะนี้ได้หันไปสู่การประเมินความสามารถด้านการเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้น

สาเหตุสำคัญมาจากการที่ เทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามา ทำให้ธุรกิจดั้งเดิมหลายประเภทถูกคุกคาม ความสามารถในการปรับตัว เปลี่ยนแปลง และปฏิรูปไปสู่ธุรกิจใหม่ จึงเป็นสิ่งที่หลายสำนักในต่างประเทศ ใช้เป็นตัวชี้วัดการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อที่จะดูอนาคตว่าธุรกิจนั้นๆ สามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีความพอใจของลูกค้า การพัฒนานวัตกรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และความแข็งแกร่งทางการเงิน ด้วย ที่จะช่วยชี้วัดความยั่งยืน

ในส่วนของประเทศไทย เทรนด์เศรษฐกิจมหภาคที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ในภาคของการเติบโตทางเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวได้ชัดเจนและมีโอกาสเติบโตได้ 4.5 % ขณะที่สัญญาณบวกด้านการฟื้นสัมพันธ์ของสภาพยุโรปก็จะเป็นปัจจัยบวกหนุนการส่งออกของไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ปัจจัยหนุนยังมาจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวรวมถึงการลงทุนของภาครัฐ และการเดินหน้าโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกที่น่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในด้านกระบวนการกฎหมาย

ขณะที่เศรษฐกิจฐานรากนโยบายจากภาครัฐด้านการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเฟสที่สอง รวมถึงการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำถือเป็นปัจจัยท้าทายที่จะฟื้นกำลังซื้อระดับฐานราก

ทั้งนี้จากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค เทรนด์ ของภาคธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2561 เชื่อว่าหลากหลายองค์กรจะต้องนำเทคโนโลยี IOT หรืออินเตอร์เน็ตอ๊อฟติง, BiG data และ ai หรือปัญญาประดิษฐ์ มาเชื่อมโยงผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจมากยิ่งขึ้น

ประเด็นสำคัญที่ธุรกิจต้องให้น้ำหนักยังมีเรื่อง Customer Experience ที่ลูกค้าจะให้ความสนใจกับประสบการณ์มากกว่าสินค้าที่ได้รับ เน้นซื้อของน้อยชิ้น แต่มีคุณค่าทางอารมณ์และความรู้สึกมากกว่าคุณประโยชน์ที่ได้รับเพียงอย่างเดียว เน้นนวัตกรรมที่เรียบง่ายแต่โดนใจ ขณะเดียวกันในภาคอีคอมเมอร์ซก็จะก้าว สู่การเชื่อมต่อกับ offline มากยิ่งขึ้น หรือที่เรียกกลยุทธ์ O-to-O เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า

ทั้งนี้เมื่อเจาะลึกในเชิงธุรกิจที่จะเติบโตได้ดีภายใต้ภาวะเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ได้แก่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ธุรกิจการส่งออก ธุรกิจที่เกี่ยวกับการลงทุนภาครัฐ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจอสังหา เป็นต้น

• Facebook
• X
• Line