“จ๊อบไทย” เผยกลยุทธ์บริหารคนจาก 4 องค์กรชั้นนำ “ไทยเบฟ – ธนาคารกสิกรไทย – ทรู – SCG”

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่พัฒนารวดเร็วอย่างก้าวกระโดด ทำให้โลกของการทำงานต้องเปลี่ยนไปจากในอดีต ในฝั่งขององค์กรต้องปรับกลยุทธ์รับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพื่อนำองค์กรก้าวไปข้างหน้า ฝั่งคนทำงานก็จำเป็นต้องรู้เท่าทันเทรนด์โลกที่เปลี่ยนไป โดยต้องมีทักษะความสามารถ และมุมมองแนวคิด ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของโลกการทำงานมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จ๊อบไทย (JobThai) ในฐานะผู้นำด้านการหางาน สมัครงาน ออนไลน์ ของประเทศไทย จึงได้พาคนทำงานไปดูกลยุทธ์และแนวทางการบริหารบุคลากรขององค์กรชั้นนำในฝันของหลาย ๆ คน ว่ามีการส่งเสริม พัฒนาทักษะของบุคลากร เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัล ดิสรัปชัน (Digital Disruption) อย่างไร พร้อมทั้งสำรวจว่าองค์กรเหล่านี้มองหาอะไรจากคนทำงานรุ่นใหม่

“ไทยเบฟ” สร้างโอกาสให้พนักงานแบบไร้ขีดจำกัด แนะคนทำงานต้องรู้จักงานและรับผิดชอบ โชว์ความสามารถออกมาให้เห็น

ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มทรัพยากรบุคคล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารของไทยและอาเซียน มีพนักงานในเครือทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 60,000 คน กล่าวว่า ไทยเบฟมีแนวทางบริหารคนด้วยคำว่า “โอกาสไร้ขีดจำกัด” (Limitless Opportunity) ด้วยการสร้างโอกาสให้พนักงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการเรียนรู้ โอกาสในการเติบโตในสายอาชีพของตัวเอง โอกาสในการเชื่อมเครือข่าย และโอกาสในการทำประโยชน์ให้กับสังคม โดยไทยเบฟจะส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ผ่านการอบรมและปฏิบัติจริง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะที่สำคัญในอนาคต (Future Skills) คือให้พนักงานทุกคนมีความสามารถในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีในอนาคตได้โดยไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ดิสรัปชัน (Digital Disruption) และทำให้พนักงานทุกคนมีแรงจูงใจอยากจะพัฒนาทักษะ (Upskills) ตัวเองอยู่เสมอ

ขณะเดียวกัน พนักงานของไทยเบฟจะยึดวัฒนธรรมองค์กร 3C ได้แก่ 1) Collaboration หรือการผสานพลัง โดยนำจุดแข็งของตัวเองไปผสานกับคนอื่นเพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด 2) Creating Values หรือการสร้างสรรค์คุณค่า ซึ่งไม่ใช่แค่ด้านธุรกิจเท่านั้นแต่ยังส่งเสริมให้พนักงานสร้างสรรค์คุณค่าหลากหลายด้าน เช่น ศิลปวัฒนธรรม การพัฒนาชุมชน 3) Caring for Stakeholders หรือว่าการเอาใจใส่ต่อผู้เกี่ยวข้อง เพราะไทยเบฟให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงมีความละเอียดอ่อนต่อการใส่ใจผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นงานในบริษัท หรือคู่ค้า ต้องมีความพึงพอใจร่วมกันเพื่อสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี

ในเรื่องคุณสมบัติของคนทำงานนั้น ดร.เอกพล กล่าวว่า ไทยเบฟมองหาคนที่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ (Collaboration) และต้องการเข้ามาลงมือทำ ร่วมสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ พร้อมแนะนำให้คนรุ่นใหม่ต้องรู้จักงานของตัวเอง รับผิดชอบงานตัวเองให้ได้เป็นอย่างดี วางตัวให้เป็นที่รักของคนอื่น จะทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น และต้องแสดงความสามารถที่มีให้เห็น สุดท้ายต้องรู้จักแบ่งปันความรู้ให้กับผู้อื่น ซึ่งสอดคล้องไปกับวัฒนธรรมองค์กรของไทยเบฟ

ธนาคารกสิกรไทย เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ต้องการคนดี ใฝ่เรียนรู้ และมี Can Do Attitude

คุณนฤมล อัศวทองกุล ผู้ร่วมบริหารฝ่ายบริหารงานทรัพยากรบุคคล ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์และสร้างคุณค่าที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า กล่าวว่า พนักงานของธนาคารเป็นหัวใจหลักในการสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ ธนาคารจึงให้ความสำคัญในเรื่องของคนด้วยแนวคิด Possibility to Learn and Grow เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ที่นี่ โดยมีการพัฒนาคนอย่างเป็นระบบ (Training Roadmap) ผ่านการอบรมในห้องเรียน (Classroom Training) ด้วยการเรียนออนไลน์ โดยมีหลักสูตรหลากหลายให้พนักงานเลือกตามความสนใจ และยังมี KBank Digital Academy ที่ส่งเสริมความสามารถในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นอกจากนี้ ยังมีเวทีให้พนักงานได้แสดงศักยภาพมากมาย

นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังมี K-Culture ซึ่งเป็นแนวทางให้พนักงานยึดเป็นหลักในการทำงาน ประกอบด้วย 1) Customer at Heart ทำงานโดยนึกถึงลูกค้าเป็นสำคัญ 2) Collaboration การทำงานร่วมกับผู้อื่น 3) Agility ทำงานอย่างรวดเร็ว 4) Innovativeness สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

คุณนฤมล กล่าวเสริมอีกว่า ธนาคารกสิกรไทยมีความท้าทายกับโจทย์ทางธุรกิจใหม่ ๆ ดังนั้นผู้ที่ต้องการเข้ามาร่วมงานกับธนาคารกสิกรไทยนอกจากจะต้องเป็นคนดี มีจริยธรรม เพราะธุรกิจธนาคารต้องโปร่งใส ต้องใฝ่เรียนรู้ ไม่ปิดโอกาสตัวเอง ที่สำคัญต้องมี Can Do Attitude ต้องคิดว่าสามารถทำได้ และเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้

“ทรู” เปิดกว้าง เน้นสร้างประสบการณ์จริง

คุณศรินทร์รา วงศ์ศุภลักษณ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บุกเบิกและผู้นำด้านคอนเวอร์เจนซ์ที่พร้อมตอบสนองและเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล กล่าวว่า กลุ่มทรูเป็นองค์กรที่เปิดกว้าง มีการเรียนรู้ ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา กลุ่มทรูเน้นการพัฒนาคน โดยให้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง สร้างประสบการณ์จริง ผ่าน Strategic Program for Leadership Development หรือ SPLD ซึ่งเป็นการนำพนักงานในหน่วยงานต่าง ๆ มาทำงานแบบ Cross Functional เพื่อเรียนรู้ แบ่งปัน ทักษะความสามารถหลากหลายด้าน นอกจากนี้ ยังมี True Digital Academy ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนทักษะต่าง ๆ ในด้านดิจิทัล และมีเครื่องมือในการทำงานที่ทันสมัยพร้อมสำหรับการทำงานในยุคปัจจุบัน

ในการทำงานร่วมกันของพนักงานกลุ่มทรูนั้นจะยึดวัฒนธรรมองค์กร 4 ข้อ ได้แก่ 1) Caring เอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดถึงส่วนร่วมมากกว่าส่วนตน 2) Credible มีความน่าเชื่อถือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 3) Creative มีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดเวลา ซึ่งกลุ่มทรูได้มีการทำออฟฟิศใหม่ในธีม Createch Space เพื่อสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ส่งเสริมให้พนักงานได้สร้างสรรค์ผลงานอย่างเต็มที่ 4) Courageous กล้าพูด กล้าแสดงออก กล้าทำสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นจริง

“กลุ่มทรูเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและมีความเปลี่ยนแปลงเร็ว จึงมองหาคนที่เปิดรับโอกาสในการทำงานที่หลากหลาย อยากจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ มี Mindset ที่ดี และมี Passion ที่อยากจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ” คุณศรินทร์รา กล่าวทิ้งท้าย

“SCG” ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยหลัก 10-20-70 คนทำงานควรเรียนรู้ตลอดเวลา ไม่ยึดติด ยอมรับการเปลี่ยนแปลง

คุณเฑวิณฑร์ สมงาม ผู้อำนวยการสำนักงานการบุคคลกลาง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ซึ่งดำเนินธุรกิจคู่สังคมไทยมากว่า 100 ปี ปัจจุบันประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลักคือ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง กล่าวว่า SCG ส่งเสริมให้พนักงานทำงานตามคำมั่นสัญญา Passion for Better ไม่หยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการที่ดีกว่า และ SCG เชื่อมั่นว่าการพัฒนาคนให้เข้มแข็ง ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถ ดูแลคุณภาพชีวิต และสร้างความรักผูกพันกับองค์กร จะส่งเสริมให้คนเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา SCG ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย SCG ได้ส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาทักษะผ่านการปฏิบัติงานจริง ด้วยหลัก 70-20-10 คือ เน้นการลงมือปฏิบัติจริง 70% การเรียนรู้ผ่านการโค้ช 20% และ การเรียนรู้ในรูปแบบห้องเรียน 10% นอกจากนี้ SCG ยังได้ทำเรื่องดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) โดยทำโครงการ Hatch Walk Fly ซึ่งเป็นการนำแนวคิดและวิธีการทำงานของสตาร์ทอัพมาปรับใช้ พัฒนาสตาร์ทอัพภายในองค์กร (Internal Startup) สำหรับอุดมการณ์ในการทำงานของพนักงาน SCG มี 4 ข้อ ได้แก่ 1) ตั้งมั่นในความเป็นธรรม 2) มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ 3) เชื่อมั่นในคุณค่าของคน 4) ถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม คุณเฑวิณฑร์ กล่าวต่ออีกว่า SCG มองหาคนที่ชอบเรียนรู้ตลอดเวลาไม่ยึดติดและยอมรับการเปลี่ยนแปลง (Eager to Learn) ทำงานโดยใช้ข้อมูล (Data-driven) นึกถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (Customer-Centric) มีความรู้ความสามารถด้านดิจิทัล (Digital Skills) การทำงานเป็นทีม (Collaboration) และทำงานแบบอไจล์ (Agile) พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตลอดเวลา

จากข้อมูลที่จ๊อบไทยได้ไปสำรวจมาจากองค์กรชั้นนำทั้ง 4 แห่งจะเห็นว่าในภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของบุคลากรซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อสร้างโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเพราะฉะนั้นคนทำงานทุกคนควรมีทักษะที่ตอบโจทย์รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและสอดคล้องกับโลกการทำงานในปัจจุบันมากขึ้น

Scroll to Top