ชัยวุฒิ โวลั่น พ.ร.ก.อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของกระทรวง ลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ได้ชัดเจน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 115/2566 เร่งรัดและติดตามการดำเนินการตาม พ.ร.ก. มารตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 พร้อมทั้งเปิดเผยผลการดำเนินงานหลังจากที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก. ดังกล่าว

นายกรัฐมนตรีลงนามคำสั่งได้แต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อกำหนดแนวทางในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเหตุอันควรสงสัยตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ในการคุ้มครองประชาชนจากการหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำกระบวนการและระบบงานในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อยับยั้งการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน

นายชัยวุฒิ รัฐมนตรีดีอีเอส ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับตาม พ.ร.ก. มารตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และพิจารณากระบวนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องในการระงับยับยั้งธุรกรรมที่ต้องสงสัยและช่องทางสำหรับให้บริการประชาชนอย่างสะดวกและรวดเร็ว เมื่อเทียบก่อนและหลังออก พ.ร.ก. สถิติการเกิดคดีออนไลน์ ลดลง และสามารถอายัดบัญชีคนร้ายได้มากขึ้น ก่อน พ.ร.ก. (1 ม.ค. – 16 มี.ค. 66 ) และหลัง พ.ร.ก. (17 มี.ค. – 26 เม.ย. 66) ดังนี้

  • สถิติคดีออนไลน์ ก่อน เฉลี่ย 790 เรื่อง/วัน หลัง เฉลี่ย 661 เรื่อง/วัน
    (คดีลดลงเฉลี่ย 129 เรื่อง/วัน)
  • การอายัดบัญชี ก่อน อายัดได้ทัน 6.5% (ขออายัด 6.9 พันล้านบาท อายัดทัน 449 ล้านบาท)
    หลัง อายัดได้ทัน 20% (ขออายัด 527 พันล้านบาท อายัดทัน 97 ล้านบาท)
    (อายัดได้ทันเพิ่มขึ้น 13.5%)

โดยสถิติคดี 5 ประเภทสูงสุดก่อน พ.ร.ก. (1 ม.ค. – 16 มี.ค. 66 ) และหลัง พ.ร.ก. (17 มี.ค. – 26 เม.ย. 66) มีดังนี้

  1. หลอกซื้อสินค้า (ก่อน 288 เรื่อง/วัน หลัง 275 เรื่อง/วัน)
  2. หลอกทำงานออนไลน์ (ก่อน 103 เรื่อง/วัน หลัง 79 เรื่อง/วัน)
  3. Call center (ก่อน 97 เรื่อง/วัน หลัง 61 เรื่อง/วัน)
  4. หลอกให้กู้เงิน (ก่อน 78 เรื่อง/วัน หลัง 36 เรื่อง/วัน)
  5. หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอม (ก่อน 36 เรื่อง/วัน หลัง 32 เรื่อง/วัน)


ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย ได้เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลข้อมูลผ่านระบบกลาง เมื่อได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจะสามารถยับยั้งธุรกรรมต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว กระทรวงดีอีเอส สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปปง. ร่วมสรุปแนวทางบริหารจัดการเพื่อรองรับการบริการผู้เสียหายสามารถโทรแจ้งให้ธนาคารระงับธุรกรรมที่ต้องสงสัยได้ทันที และยับยั้งการโอนเงินทุกธนาคารที่รับโอนเงินต่อเป็นการชั่วคราว โดยหลังจากแจ้งธนาคารแล้ว ให้ผู้เสียหายแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ทั่วประเทศ หรือผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ภายใน 72 ชั่วโมง และเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันหลังจากได้รับแจ้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เตรียมการรองรับในส่วนพนักงานสอบสวนและระบบการรับแจ้งความออนไลน์ และจะได้เร่งจับกุมผู้กระทำความผิดฐานเปิดบัญชีม้าและซิมม้า รวมถึงผู้เป็นธุระจัดหาหรือโฆษณาบัญชีม้าและซิมม้ามาดำเนินคดีเพื่อตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งบทลงโทษสูงสุดของผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์อยู่ระหว่างกำหนดข้อมูลที่ต้องสงสัยและจัดเตรียมระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ เพื่อสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์และพนักงานเจ้าหน้าที่ และระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์กันเอง ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อนำมาใช้ประกอบการดำเนินคดีและจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษ นอกจากนี้ กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์ยังได้ร่วมกับกระทรวงดีอีเอส ปิดกั้น SMS และเบอร์โทรศัพท์ที่เข้าข่ายหลอกลวงผิดกฎหมายมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 64 – 26 เม.ย. 64 สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้ปิดกั้น SMS/โทรศัพท์หลอกลวง ไปแล้ว 167,616 หมายเลข

สำนักงาน ปปง. ได้แต่งตั้งคณะทำงานกำหนดรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งควรได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เป็นผู้พิจารณากำหนดรายชื่อดังกล่าว ขณะนี้มีการกำหนดรายชื่อประเภทรายชื่อบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐาน หรือเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิดมูลฐานกรณีพนักงานสอบสวนยังไม่รับเป็นเลขคดีอาญา (รหัส HR-03-2) แล้ว จำนวน 1,581 รายชื่อ และได้แจ้งรายชื่อบัญชีต้องสงสัยให้สถาบันการเงินเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการทำธุรกรรมการเงินที่อาจสร้างความเสียหายต่อไป จำนวน 988 รายชื่อ รัฐมนตรีชัยวุฒิ มั่นใจทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาลดความเสียหายและอาชญากรรมที่เกิดขึ้น บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จับกุมผู้กระทำความผิด และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าและซิมม้ามาลงโทษ ลดโอกาสการก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ และบรรเทาการสูญเสียทรัพย์ของประชาชนได้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน และย้ำเตือนอีกครั้ง บัญชีม้า ซิมม้า มีโทษแรง คนที่ไปเปิดบัญชีให้คนอื่นใช้หรือไปลงชื่อใช้ทะเบียนซิมมือถือให้คนอื่นใช้ มีความผิดทุกคนโทษจำคุก 2-5 ปี ปรับ 200,000 – 500,000 บาท ซึ่งไม่คุ้มกับที่ไปรับจ้างได้เงินเพียง 500-2,000 บาท แต่ต้องมาโดนปรับสูงสุดถึง 500,000 บาท จึงขอเตือนว่าให้พี่น้องประชาชนทุกคนไปที่ธนาคารไปแจ้งยกเลิกบัญชีที่ท่านไปรับจ้างเปิดไว้และยกเลิกซิมด้วยไม่เช่นนั้นอาจจะมีความผิดถ้าตรวจพบในภายหลัง

Scroll to Top