ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตฟื้นชัด ตามการท่องเที่ยวฟื้นตัวหลังโควิด จีนยังไม่กลับมาตามนัด แต่เศรษฐีรัสเซียแห่ซื้อพูลวิลล่า ไล่ราคาตั้งแต่ 6-100 ล้านบาท หนีภัยสงคราม สัดส่วนสูงกว่า 80 % “ซิซซา กรุ๊ป” ทุ่ม 8,000 ล้านบาท รุกพัฒนา 4 โครงการ ชูจุดขาย “Medical Hub” อาเซียน
คุณอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาเพื่อการลงทุนรูปแบบ Investment Property ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมอสังหาฯภูเก็ตตั้งแต่ปลายปี 2565 ถึงช่วงต้นปี 2566 นี้ นักท่องเที่ยวกลับมาชัดเจน ส่งผลดีต่อโรงแรม ที่อยู่อาศัย ทำให้มียอดขายเพิ่มมากขึ้น โดยที่น่าสนใจคือกลุ่มต่างชาติที่เป็นผู้ซื้อหลักในขณะนี้ คือ ชาวรัสเซีย ที่มีสัดส่วนถึงกว่า 80 % โดยเป็นการซื้อเพื่อหนีภัยสงคราม มาเป็นบ้านหลังที่ 2 ในประเทศไทย ที่ จ.ภูเก็ต โดยเป็นการซื้อครอบคลุมทุกกลุ่มราคาไล่ตั้งแต่ 6-100 ล้านบาท
ส่วนช่วงโลว์ซีซั่นตลาดภูเก็ตอาจจะค่อนข้างเงียบเหงา เมื่อเทียบกับช่วงไฮซีซั่น โดยนักท่องเที่ยวจีนที่เคยคาดหวังจะกลับมาเยอะยังไม่เป็นไปตามคาดการณ์ โดยต้องไปลุ้นในช่วงปลายปี
ทั้งนี้ในด้านการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการปี 2566 นี้ มีการพัฒนาในลักษณะพูลวิลล่ามากขึ้น ทั้งจากผู้ประกอบการในท้องถิ่น และกรุงเทพฯ มีระดับราคาตั้งแต่ 7-30 ล้านบาท โดยพบว่าตั้งแต่ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด ยอดขายพูลวิลล่าเติบโตได้ดีมาก โดยโซนยอดนิยมคือ โซนลากูน่า, หาดบางเทา, หาดลายัน โซนที่นิยมรองลงมาคือ ราไวย์ และในหาน ซึ่งการเกิดสถานการณ์โควิดทำให้ราคาที่ดินพุ่งไม่มากนักเพียงประมาณ 20% โดยราคาที่ดินสูงสุดอยู่ที่ป่าตอง ขายที่ประมาณ 200 ล้านบาท/ไร่
สำหรับทิศทางดำเนินงานของซิซซา กรุ๊ป ในปีนี้ จะเกาะทิศทางการฟื้นตัวการท่องเที่ยวของประเทศ และชูจุดขาย เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต ตามมาตรการรัฐ ที่ต้องการให้ภูเก็ต เป็น Medical Hub ของอาเซียน ด้วยการเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
- นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต มูลค่าการลงทุน 3,300 ล้านบาท พัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพ และความงาม ควบคู่ไปกับรีสอร์ตหรูระดับ 6 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมแล้ว ส่วนเมดิคอลฯจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 1/2567
- เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต ในพื้นที่ โรงแรม “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” (Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket) โดยเฟสแรกใช้งบลงทุนไป 70 กว่าล้านบาท ใช้พื้นที่ไปประมาณ 500 ตารางเมตร พร้อมเปิดให้บริการในส่วนของ “เพลนารีเวลเนส” (Plenary Wellness) ศูนย์สุขภาพและความงาม ประกอบด้วย โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงลึก,เวชศาสตร์ชะลอวัย,กายภาพบำบัด และเวชศาสตร์ความงาม
สำหรับเฟส 2 จะเป็น Men’s Health และ Women Health เป็นการดูแลสุขภาพทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั้งหมด ส่วนเฟส 3 กำลังศึกษาข้อมูลว่าจะนำบริการรูปแบบไหนเข้ามาใช้บ้าง คาดว่าทั้งโปรเจกต์ (3 เฟส)จะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 300 ล้านบาท
มีจุดแข็งในเรื่องบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศไทยและต่างประเทศ รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันยังถือว่ามีคู่แข่งที่น้อยมาก ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกันไป” นายอรรถนพ กล่าว
- พูลวิลล่า บริเวณหาดลายัน โดยยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ ขณะนี้เรียกว่า “รายัน วิลล่า” โดยเฟส 1 ตั้งอยู่พื้นที่ 16 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 26 หลัง ราคา 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 35-70 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท
- ดิ เอท พูลวิลล่า เฟส 2 บริเวณอ่าวฉลอง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 60 หลัง ราคาตั้งแต่ 7-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600-700 ล้านบาท
ในส่วนของ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” (Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket) ช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 – เมษายน 2566 ที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเข้าพักเกิน 90% และช่วงเดือนที่ผ่านมา พฤษภาคม – มิถุนายน 2566 อัตราการเข้าพักลดลงมาอยู่ที่ 60-65% แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างชาติทั้งหมด หลากหลายเชื้อชาติ อาทิ ยุโรป, จีน, อินเดีย และ ตะวันออกกลาง
โดยโครงการ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” ตั้งอยู่บริเวณใกล้ชายหาดในหาน มีเนื้อที่ทั้งหมด 11 ไร่ สร้างเป็นอาคารสูง 4 ชั้น จำนวน 12 อาคาร แบ่งเป็นห้อง 2 แบบ ขนาดตั้งแต่ 40 ตารางเมตร ขึ้นไป จนถึง 65 ตารางเมตร จำนวนรวม 353 ยูนิต โดยแบ่ง 4 อาคารบริหารในรูปแบบโรงแรมเต็มรูปแบบ และอีก 8 อาคาร
ได้มีการแบ่งขายเพื่อการลงทุนและบริหารการเข้าพักโดย “วินแดม โฮเทล กรุ๊ป” มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท เปิดเป็นเจ้าของร่วมด้วยลงทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท