ซิสโก้ ชี้ Hybrid Work ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพของพนักงานในไทย

การทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพนักงานในไทย รวมไปถึงสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต และประสิทธิภาพในการทำงาน ตามที่ระบุไว้ในรายงานผลการศึกษาทั่วโลกฉบับล่าสุดของซิสโก้ แม้ว่าองค์กรต่างๆ ได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มสูงขึ้นของพนักงาน แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อประโยชน์ให้แก่คนทุกกลุ่ม และผนวกรวมรูปแบบการทำงานไฮบริดอย่างกลมกลืน เพื่อยกระดับความพร้อมและปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงาน

จากรายงานผลการศึกษาของซิสโก้เกี่ยวกับความพร้อมของพนักงานสำหรับการทำงานแบบไฮบริด (“Employees are ready for hybrid work, are you?”) พบว่า พนักงานในไทย 7 ใน 10 คน (70%) เชื่อว่าคุณภาพการทำงานดีขึ้น และพนักงานในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน (71%) รู้สึกว่าประสิทธิภาพการทำงานของตนเองปรับปรุงดีขึ้น ที่สำคัญก็คือ 82% รู้สึกว่าตนเองสามารถทำงานจากที่บ้านตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จเท่ากับการทำงานในออฟฟิศ อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน 28,000 คนใน 27 ประเทศ รวมถึงผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 1,050 คนในไทย พบว่า มีพนักงานในไทยเพียง 37% เท่านั้นที่คิดว่าบริษัทของตน ‘มีความพร้อมอย่างมาก’ สำหรับการทำงานแบบไฮบริดในอนาคต

-ธุรกิจขนาดเล็กไม่ปลอดภัย ตัวเลขการโจมตีมากขึ้นในปี 2022 – ตะลึงไทยเพิ่ม 107.62%
ผู้ผลิตยำยำชี้ เตรียมปรับส่วนลดทางการค้า แต่ราคาขายปลีกยังคงเท่าเดิม พาณิชย์ยัน ยังไม่อนุญาตให้ปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

ทวีวัฒน์ จันทรเสโน กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย กล่าวว่า “ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญสำหรับการทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่อีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับผลงานที่เราทำออกมา ในโลกวิถีใหม่ของการทำงานแบบไฮบริด ทั้งนายจ้างและลูกจ้างขององค์กรต่างๆ ในไทยได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในหลายๆ ด้าน เช่น พนักงานมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการดำเนินงานโดยรวมขององค์กร อย่างไรก็ตาม การทำงานแบบไฮบริดเป็นมากกว่าการรองรับการกลับเข้าทำงานในออฟฟิศอย่างปลอดภัย

กล่าวคือ ผู้บริหารจำเป็นที่จะต้องบ่มเพาะวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อประโยชน์แก่ทุกคน และให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของประสบการณ์ การมีส่วนร่วม และคุณภาพชีวิตของพนักงาน ทั้งยังจะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยหรือระบบซีเคียวริตี้ให้ทันสมัย เพื่อนำเสนอประสบการณ์การทำงานที่ปลอดภัย ไร้รอยต่อ และครอบคลุมคนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง นอกจากนั้น ยังจำเป็นต้องมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการตรวจสอบแง่มุมต่างๆ ของระบบไอที รวมถึงการทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการใช้งานแอพพลิเคชั่น ระบุและแก้ไขปัญหาในแบบเรียลไทม์ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นสำหรับทุกคน โดยอาศัยความสามารถในการตรวจสอบอย่างทั่วถึง (Full-Stack Observability)”

การทำงานแบบไฮบริดปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมของพนักงาน

การศึกษาของซิสโก้มุ่งตรวจสอบผลกระทบของการทำงานแบบไฮบริดต่อคุณภาพชีวิตใน 5 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ ด้านอารมณ์ การเงิน จิตใจ ร่างกาย และสังคม โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (85%) ระบุว่า การทำงานแบบไฮบริดและการทำงานจากที่บ้านช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของตนในหลากหลายแง่มุม

การทำงานจากที่บ้านช่วยปรับปรุงสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตสำหรับพนักงาน 83% ในประเทศไทย โดยเหตุผลสำคัญคือ ตารางเวลาการทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น (54%) และไม่ต้องเดินทางเพื่อไปทำงานหรือมีการเดินทางน้อยลงอย่างมาก (46%) นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 3 ใน 4 (74%) ประหยัดเวลาได้อย่างน้อย 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เมื่อทำงานอยู่ที่บ้าน และกว่า 1 ใน 4 (33%) ประหยัดเวลาได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ผู้ตอบแบบสอบถามในไทยเกือบ 9 ใน 10 คน (87%) ระบุว่า คุณภาพชีวิตด้านการเงินของตนเองปรับปรุงดีขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่า 7,800 ดอลลาร์ (271,159 บาท) ต่อปี โดย 84% เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและ/หรือค่าเดินทาง ส่วนอันดับที่สองคือ ค่าอาหารและความบันเทิง ซึ่งอยู่ที่ 64% ทั้งนี้ผู้ตอบแบบสอบถาม 8 ใน 10 คน (81%) เชื่อว่าตนเองจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ในระยะยาว และหากคิดที่จะเปลี่ยนงาน ก็อาจพิจารณาปัจจัยเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ในการตัดสินใจ

นอกจากนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 8 ใน 10 คน (83%) เชื่อว่าตนเองมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นเนื่องจากการทำงานจากที่บ้าน และผู้ตอบแบบสอบถามในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันนี้ (78%) ระบุว่าการทำงานแบบไฮบริดส่งผลดีต่อนิสัยการกินของตนเอง

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (84%) ชี้ว่า การทำงานจากที่บ้านช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ในครอบครัว และเกือบ 2 ใน 3 (64%) ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ แน่นแฟ้นมากขึ้น

ความไว้ใจและความโปร่งใสคือกุญแจสู่ความสำเร็จสำหรับการทำงานแบบไฮบริดในอนาคต

69% ของพนักงานในไทยที่ต้องการให้มีรูปแบบการทำงานแบบผสมผสานระหว่างการทำงานที่บ้านและที่ออฟฟิศ เชื่อว่าการทำงานในอนาคตจะเป็นรูปแบบไฮบริด ขณะที่ 21% เชื่อว่าจะเป็นการทำงานจากที่บ้านทั้งหมด และ 9% เชื่อว่าจะเป็นการทำงานในออฟฟิศทั้งหมด

อย่างไรก็ดี มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นที่ว่ารูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันอาจส่งผลกระทบต่อการมีส่วนร่วมและการเข้าถึงของคนทุกกลุ่ม โดยผู้ตอบแบบสอบถามในไทยเกือบ 3 ใน 4 (73%) เชื่อว่า พฤติกรรมการบริหารงานแบบจู้จี้จุกจิกและคอยจับผิด (Micromanaging) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากการทำงานจากที่บ้านและการทำงานแบบไฮบริด ที่จริงแล้ว การที่ผู้จัดการไม่ไว้ใจว่าพนักงานจะตั้งใจทำงานนับเป็นปัญหาที่บั่นทอนขวัญกำลังใจในการทำงานของพนักงาน

อานุพัม เตรฮาน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบุคลากรและชุมชนของซิสโก้ ประจำภูมิภาค APJC กล่าวว่า “ความไว้ใจกลายเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับการทำงานแบบไฮบริดในโลกวิถีใหม่ ควบคู่ไปกับการบริหารงานอย่างยืดหยุ่นและมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ผลการศึกษาล่าสุดของเราชี้ว่ามีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องทำเพื่อให้สามารถรองรับการทำงานแบบไฮบริดได้อย่างราบรื่นและสมบูรณ์สำหรับพนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกคน โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่โลกของการทำงานรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของพนักงาน ผู้บริหารและองค์กรต่างๆ จะต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากร โดยจะต้องรับฟังความเห็น สร้างความไว้วางใจ และบริหารงานด้วยความเห็นอกเห็นใจ ความยืดหยุ่น และความยุติธรรม”

ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีจะยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการรองรับบุคลากรที่มีความหลากหลายมากขึ้นและทำงานอยู่ตามที่ต่างๆ ในอนาคต ผู้ตอบแบบสอบถาม 3 ใน 4 (75%) เชื่อว่า ปัญหาในการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนับเป็นอุปสรรคที่จำกัดกรอบอาชีพการงานสำหรับพนักงานที่ทำงานจากที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ 89% จึงกล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีความสำคัญอย่างมากสำหรับประสบการณ์การทำงานจากที่บ้านอย่างไร้รอยต่อ แต่ราว 22% ระบุว่า บริษัทของตนยังคงต้องการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่เหมาะสม

ผู้ตอบแบบสอบถามในไทย 8 ใน 10 คนเชื่อว่า ไซเบอร์ซีเคียวริตี้มีความสำคัญอย่างมากสำหรับการทำงานแบบไฮบริดอย่างปลอดภัย ขณะที่ 75% กล่าวว่า ในปัจจุบันองค์กรของตนมีความสามารถและโปรโตคอลที่เหมาะสมอยู่แล้ว และมีเพียง 76% เท่านั้นที่คิดว่าพนักงานทุกคนในบริษัทของตนเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานแบบไฮบริด และ 79% คิดว่าผู้บริหารส่วนงานธุรกิจมีความคุ้นเคยเกี่ยวกับความเสี่ยงดังกล่าว

ฮวน ฮวด คู ผู้อำนวยการฝ่ายไซเบอร์ซีเคียวริตี้ของซิสโก้ ประจำภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “เทคโนโลยีคือเครื่องมือสำคัญที่จะรองรับการขยายตัวของสถานที่ทำงานแบบไฮบริด โดยจะต้องอยู่บนพื้นฐานของระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร องค์กรต่างๆ ควรให้ความสำคัญกับเรื่องของการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในทุกๆ ด้าน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไซเบอร์ซีเคียวริตี้คือองค์ประกอบหลักของสถาปัตยกรรมด้านเทคโนโลยีขององค์กร ทุกวันนี้มีช่องทางการโจมตีเพิ่มมากขึ้น เพราะมีผู้ใช้และอุปกรณ์จำนวนมากเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นขององค์กร ด้วยเหตุนี้องค์กรจึงต้องยกระดับการรักษาความปลอดภัยและการเฝ้าระวัง ควบคู่ไปกับการรองรับการเข้าถึงที่ปลอดภัย และการปกป้องเครือข่ายอย่างครอบคลุม ตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทางไปจนถึงระบบคลาวด์”

supersab

Recent Posts

เซ็นทรัลพัฒนา ผนึก Edutainment และ Playland จัดแคมเปญ “The Little Campus 2024” ดันทราฟฟิกกลุ่มครอบครัว

เซ็นทรัลพัฒนา ผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำด้าน Edutainment กว่า 300 สถาบัน รวมถึง Playland สุดฮิต จัดแคมเปญ The Little Campus 2024 เปลี่ยนศูนย์การค้าเซ็นทรัลให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้…

8 hours ago

เดนทิสเต้พาลิซ่าจัดงานในไทยอีกครั้ง กับ 3 กิจกรรมในงาน DENTISTE’ x LISA Exclusive After Party

เดนทิสเต้ เดินหน้านำ 3 กิจกรรมสุดยิ่งใหญ่เหนือใคร พาศิลปินระดับโลกชาวไทยอย่าง “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวเดนทิสเต้ ในฐานะ Brand Ambassador ของประเทศไทย มาสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแฟนๆ ชาวไทยผ่าน…

9 hours ago

เพอร์เฟค ปิดดีลขายที่ดิน 2 แปลง พร้อมออกหุ้นกู้ 2 ชุด ดอกเบี้ยสูง 7% และ 7.25%

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปิดดีลขายที่ดิน 2 แปลง รับ 700 ล้านบาท พร้อมออกหุ้นกู้ 2 ชุด ดอกเบี้ยสูง 7% และ 7.25%…

9 hours ago

กทม. x สวทช. สสวท พัฒนาเยาวชน ในโรงเรียนภาษาที่สาม สู่นวัตกรยุค 4.0 ด้วย Digital Innovation Maker space นำร่องพื้นที่กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่ชาติ (เนคเทค สวทช.) และ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติ Digital…

9 hours ago

รฟม. เผยครบรอบ 1 ปี นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ผลดีเกินคาด ทำยอดผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT และผู้ใช้บริการอาคารจอดแล้วจรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นายวิทยา พันธุ์มงคล รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ รฟม. ได้ดำเนินการตามนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งนโยบาย Quick Win “คมนาคม…

12 hours ago

เป็นเจ้าของสถานีชาร์จฯ ง่ายนิดเดียว ชมแพคเกจสุดพิเศษจาก กฟผ.ในงาน Bangkok EV Expo 2024 ที่บูท EV3/2

กฟผ. ร่วมออกบูท EGAT EV Business Solutions (บูท EV3/2) ในงาน Bangkok EV Expo 2024 เพื่อส่งต่อความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการพัฒนาและการบริหารจัดการเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า…

12 hours ago